ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก มีชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครืองมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เดือดร้อน ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายซึ่งมีพฤติการณ์เปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเสียหายจำนวนมาก ก่อนวางแผนการจับกุม หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ ะเดินทางเข้ามายังพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื่อสมัครงานใหม่และรับแจกอั่งเปาพิเศษจากบริษัทช่วงเทศกาลตรุษจีน ชุดสืบนครบาลได้ซ้อนแผนพร้อมแจก”อั่งเปา” ให้ผู้ต้องหาทันที
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล อำนวยการให้ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกระแจะ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังจับกุม น.ส.นันทวัน ถึงสุข อายุ 34 ปี ที่อยู่ 38 หมู่ 7 ตำบลหนองขยาด อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี บริเวณร้านคาเฟ่อเมซอน สาขาโรงพยาบาลสงฆ์ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
แจ้งข้อหาดำเนินดคีตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.75/2567 ลงวันที่ 30มกราคม 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่น ใช้บัญชีเงินฝากที่มีชื่อของตนเองโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” จากพฤติกรรมขณะที่ผู้กล่าวหาอยู่ที่บ้านได้มีโทรศัพท์โทรมาหาอ้างว่าเป็นร.ต.อ.หญิง ปาริชาต กล่าวหาว่าผู้เสียหายเปิดบัญซีม้า และมีเงินผิดปกติโอนเข้าบัญชีอ้างด้วยว่า เป็นผู้ต้องหาหนีคดี จากนั้นโอนสายให้พูดกับ ร.ต.ต.หญิง มาเรียโลด หลอกล่อผู้เสียหายโอนเงินมาตรวจสอบเงินเข้าบัญชีของนายอนุพล สามีผู้ต้องหา จำนวน 1,409,191 บาท กระทั่งมารู้ตัวตอนหลังว่าถูกหลอกได้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน จนตำรวจพิสูจน์ทราบเจ้าของบัญชีมาปรากฎตัวเพื่อสมัครงาน รอรับอั่งเปา ตำรวจได้ตัดหน้าสวมรอยแสดงหมายจับกุม
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เห็นโฆษณาผ่านทางกลุ่มแพลตฟอร์ม’เฟซบุ๊ก’ จ้างเปิดบัญชีธนาคาร ตนและสามีติดต่อไปตามขั้นตอนของผู้ว่าจ้างที่ส่งลิงก์มาทางการสนทนาในเฟซบุ๊กแลกรับเงินค่าจ้างในการเปิดบัญชีธนาคาร 300 บาท กระทั่งทราบถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกผู้เสียหาย และก่อนหน้านี้สามีถูกจับกุมแล้ว ตัวเองทราบดีว่า ต้องเข้ากระบวนการหากไม่ไปตามหมายเรียก 2ครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องออกหมายจับแน่ๆ เพราะเห็นตัวอย่างของสาม ที่ถูกออกหมายจับกุมมาแล้ว ยอมรับว่าหลบหนีทันทีและย้ายออกมากบดานมาพักอาศัยในท้องที่ต่างจังหวัด หลบซ่อนตัวมาเป็นระยะเวลานาน และอยู่อย่างกังวลนอนไม่หลับสนิทเฝ้ารอเวลาที่ตนจะถูกจับกุมในสักวันหนึ่ง อีกทั้งยอมรับว่า ‘วันนี้มีความหวัง’ ที่จะได้งานทำรวมถึงเงินอั่งเปาที่จะแจกจากบริษัท ดั้นด้นเดินทางมาไกลจากโพธาราม จังหวัดราชบุรี เข้ามากรุงเทพมหานคร ปลายจมูกของหน่วยสืบสวนนครบาลพอดี ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจนับต่อจากนี้ไป ไม่ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนตัวอีกแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลกล่าวแจ้งเตือนภัย ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆของมิจฉาชีพ แฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายังเพจ “สืบนครบาลIDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
