เมื่อวันที่ 10 ก.พ.67 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันสั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ , พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผู้กำกับการ1กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ , พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ , พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี , พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รองผู้กำกับการ1กองบังคับการปราบปราม ว่าที่ พ.ต.ต.มณเฑียร ธงเทียน สารวัตรกองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม ร.ต.อ.จักรพันธ์ ใบพิมาย รองสารวัตรกองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม นายอนุชา ตงกระโทก อายุ 22 ปี ตามหมายศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.201/2566 ลงวันที่ 29 มิ.ย. 2566 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี” ได้ที่ บริเวณหน้าห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยสุเหร่าสามอิน แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ผู้เสียหายได้คบหาเป็นแฟนกับนายเอ (นามสมมติ) ก่อนย้ายมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับนายเอที่บ้านพักในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างนั้น นายอนุชา ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ได้นํายาบ้าและสุรามาให้นายเอเสพที่บ้าน แต่เมื่อเห็นว่านายเอ ไม่มีเงินจ่ายค่ายาบ้า จึงออกอุบายขอกระทําชําเราผู้เสียหายเพื่อแลกกับยาบ้า ซึ่งนายเอก็ยินยอม โดยทำเช่นนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ถึง ประมาณเดือนมีนาคม 2566 ทุกครั้งก่อนที่ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นายเอจะได้รับยาบ้าจำนวน 1 เม็ด และเงินจำนวน 100 บาท จากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการให้ผู้ต้องหาได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนสาว
หลังผู้ปกครองของ ด.ญ.บี ทราบเรื่อง จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา จนมีการออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าปัจจุบัน นายอนุชา ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนนายอนุชา ให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่ง สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป
