คำร้องขอถึงนายกรัฐมนตรี

 

 

ออกมาแสดงบทบาทอีกครั้ง

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ผู้ถูกกล่าวพัวพัน “เส้นเงินสีเทา” บ่อนพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่

นายตำรวจคนดัง “ค่ายหวานเจี๊ยบ” โพสต์ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวขอต่อสู้แบบประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรม

ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปคุกคามใคร

“ข้าราชการไม่มีใครอยากออกจากราชการ 32 ปี ในชีวิตตำรวจวันนี้ขอต่อสู้แบบมือเปล่า เพื่อส่วนรวมและองค์กรตำรวจไม่ต้องได้รับผลกระทบ”

เจ้าตัวแนบหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติร้องขอความเป็นธรรมและสั่งให้ออกจากราชการ

ระบุความตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนต่าง ๆ อันอาจทำให้สังคมเข้าใจได้ว่า มีความขัดแย้งภายในองค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหรือเจ้าพนักงานตำรวจบางรายที่อาจส่อไปในทางปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งยังอยู่ระหว่างกระบวนการด้านการสืบหาข้อเท็จจริงตามระเบียบราชการ

“กระผมพันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 เป็นคณะทำงานชุดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตามเหตุผลข้างตัน หากมีการร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกก็เกรงจะก่อให้เกิดความขัดแย้งตามที่เป็นข่าวอีก และอาจมีผลต่อการดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องที่ข้าพเจ้าได้รับการกล่าวหา”

เป็นเหตุให้มีความจำเป็นร้องขอความเป็นธรรมมายังนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ อันเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสายงานตามระเบียบการปฏิบัติราชการ และมิได้มีส่วนได้เสียใด ๆ

“ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการในส่วนการพิจารณาข้อกล่าวหาใดต่อกระผมหรือบุคคลใด ที่อาจมีตามระเบียบราชการและส่งผลทางอาญา ต้องกระทำไปภายใต้ตามกฎหมายบัญญัติไว้โดยชอบ และหลักนิติธรรม”

กล่าวคือกระบวนการในชั้นสืบสวนสอบสวนต้องไม่มีการนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือปั้นแต่งพยานหลักฐานใด เพื่อที่จะมุ่งหวังดำเนินคดีกับบุคคลใด และต้องไม่มีการมุ่งหวังประโยชน์อันมิชอบทั้งทางตรง และทางอ้อม

โดยเฉพาะบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่นั้นจะต้องเป็นผู้ปราศจากข้อขัดแย้งในงานหรือโดยส่วนตัว หรืออาจมีความมุ่งหวังใดแอบแฝง เพื่อมีผลให้ร้ายต่อบุคคลต่าง ๆ โดยขัดต่อหลักนิติธรรม

“กระผม เป็นข้าราชการผู้หนึ่งที่เชื่อว่า ตนได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง และเสียประโยชน์ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่จะถูกดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบตัวยกฎหมายของกระผมเพื่อให้ไม่สามารถดำเนินการทางคดีต่อไปได้ ท้ายสุด กระผมถูกตั้งเรื่องดำเนินคดี ตามสำนวนคดีอาญของสถานีตำรวจภูธรทุ่งมหาเมฆ และสำนวนคดีอาญาของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ไม่อาจทราบได้ว่า เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหรือไม่” เจ้าตัวระบาย

ยืนยัน พร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และสิทธิหน้าที่ในฐานะผู้ต้องหาตามที่กฎหมายบัญญัติรับรองสิทธิไว้ และพึงได้รับการปฏิบัติจากเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องภายใต้หลักกฎหมาย และหลักนิติธรรม

“ขอความกรุณาให้ท่านนายกรัฐมนตรีใต้โปรดสั่งการให้กระผม “ออกจากราชการ” เพื่อที่กระผมจะได้ต่อสู้ เรียกร้องความเป็นธรรมในฐานะประชาชนธรรมดา ที่จะใช้สิทธิทางกฎหมายรัฐธรรมนูญในฐานะของประชาชนที่ต้องหาคดีและสามารถต่อสู้คคีเสมือนประชาชนทั่วไป เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นมีการบิดเบือนกล่าวอ้างว่าใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยไม่สุจริตและเพื่อประโยชนในทางคดีของตน”

ที่สำคัญเพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ตลอดระยะเวลารับราชการกว่า 30 ปี “กระผมตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถโดยตลอด รักและภูมิใจในอาชีพตำรวจ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรและส่วนรวม รวมถึงจะได้ต่อสู้คดีไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ต้องถูกครหาหรือถูกนำไปเป็นเครื่องมือใช้ทำลายชื่อเสียงของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กระผมขอยืนยันว่า กระผมยังเคารพในกระบวนการยุติธรรมของท่านอัยการ ศาล ไม่มีเจตนาล่วงเกินหรือเจตนาทำให้บุคคลใคหรือองค์กรใดได้รับความเสียหาย”

หากแต่เชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ สามารถทำให้ตามกระบวนการของกฎหมายและย่อมต้องสามารถตรวจสอบความถูกต้องโปร่งใสได้ในฐานะของประชาชนคนหนึ่งที่จะใช้สิทธิปกป้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อไป

นายตำรวจหนุ่มยึดออกลุยสู้แบบลูกผู้ชาย

จับตาโค้งสุดท้ายคดีที่มีความหมายเอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน

RELATED ARTICLES