ปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงบทบาทเล่นหมากกดดันเรียกร้องขอความเป็นธรรม
อ้างโดนกลั่นแกล้ง “ยัดข้อหา” คดีสำคัญ ทำเอาคณะทำงานที่อยู่ฉากหลังนั่งไม่ติด อึดอัดหวาดหวั่นจากคำขู่ของกลุ่มผู้ต้องหาที่ถึงขั้นร้องศาลทุจริตเอาผิดเพื่อนร่วมอาชีพกว่า 200 นาย
นอกจากขุนพลค่าย “หวานเจี๊ยบ”จะออกมาเทกแอกชั่นแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “หัวหน้าซุ้ม” ยังร่วมสุมไฟใส่ความฟากฝั่งตรงข้ามยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
“ไม่มีตายน้ำตื่นแน่นอน” นายพลคนดังมั่นใจ
ท้ายที่สุดผู้เป็นนายเปิดไฟเขียวให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับบทกระบอกเสียงกระจายข้อมูลผ่านสื่อเพื่อลดแรงกระแทกคณะกรรมการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นมาร่วมสืบสวนสอบสวนคดี “เส้นเงินสีเทา” บ่อนพนันออนไลน์เครือข่าย “เจ้าแม่มินนี่”
ระบุแบ่งเป็น 2 สำนวนคดี คดีแรกมีผู้ต้องหา 61 คน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน เป็นคดีหลัก มีพนักงานสอบสวนตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนอีกคดี เป็นการสืบสวนขยายผลพบผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มอีก 5 ราย ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ สำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว เนื่องจากมีเรื่องหลักเกณฑ์ผู้ถูกกล่าวโทษเป็น “ตำรวจชั้นผู้ใหญ่” เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตำรวจได้ทำหนังสือขอรับสำนวนคดีดังกล่าวกลับมาดำเนินการมองว่า เป็นคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องกับคดีแรก
ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 นาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติไม่ปฏิเสธว่า มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรวมอยู่ด้วยตามที่ปรากฏเป็นข่าวโลกออนไลน์ก่อนหน้า
มีความผิดจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
อีกทั้งมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองภายในแวดวงตำรวจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ตั้งแต่สมัยที่ตัวเขายังดำรงตำแหน่งผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก่อนจะมีการขยายผลต่อเนื่องจนไปพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม
“เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ เพราะมีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิด ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 3 ร้อยล้านบาท ผ่านเข้าไปในระบบ หรือเส้นทางการเงินปล่อยผ่านไม่ได้”
หากปล่อยไว้จะกลายเป็น “มะเร็งร้าย”กัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางพูดชัดเจนตามสไตล์ตำรวจมือปราบตงฉินยึดพยานหลักฐานเป็นที่ตั้งไม่มีปรุงแต่ง มีหลักฐานเป็นรายการเดินบัญชีธนาคารบ่งบอกถึงคนที่เบิกเงินแสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆที่ได้รับเงินจาก “บัญชีม้า”
“การตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินมีการกระจายไปยังบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนก็มาในนามญาติพี่น้อง แต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้านำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติย้ำว่า ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น ว่าไปตามหลักฐาน ผิดถูกมีเพียงศาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีรังแกใคร ไม่มีออกนอกเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีอำนาจ การที่เราทำงานจำเป็นต้องตั้งอยู่บนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง
“สิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันเรา” เจ้าตัวไม่หนักใจสารภาพอยากทำให้จบไว ๆ เพราะถ้าหากปล่อยให้ล่าช้าสำนักงานตำรวจก็จะเสื่อมเสีย ขอฝากไปถึงคนที่กำลังทำลายองค์กรตำรวจขอให้หยุดการกระทำนั้นเสีย
“วอนผู้ที่จงใจปล่อยอย่าไปบิดเบือนประเด็นให้สังคมเกิดความสับสน ไม่อยากมองว่าเป็นการวางงาน แต่พฤติกรรมรวม ๆก็ออกไปในทางนั้น ขอชื่นชมทางพนักงานสอบสวนที่ไม่หลงคล้อยตามกินเบ็ด” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่า
ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันเช่นกันไม่มีความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกสิ่งที่อย่างว่ากันตามพยานหลักฐานจะปั้นแต่อย่างไรพิสูจน์ได้ หาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผิดจริงต้องยอมรับผิด แต่ถ้าไม่ผิดคณะพนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบว่า ใช้หลักฐานเท็จแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่
ลากเข้าสู่เกมเดิมพันด้วยเก้าอี้ตำแหน่งของทั้งสองฝ่าย
