ภาพที่เห็นกับสิ่งที่เป็น

 

ทุกอย่างเกิดจากการกระทำ​ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

นายตำรวจคนหนึ่งให้ข้อคิดเสมือนสัจธรรมในการดำเนินชีวิตรับราชการฝากเป็นบทเรียนสะท้อนถึงใครบางคน

ทำเพื่อตัวเอง หรือทำเพื่อองค์กร ความคิดสลับซับซ้อน​ระหว่างภาพที่เห็นกับ “สิ่งที่เป็น”

วันนี้ทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับมาตั้งใจทำงาน​ มีวินัย​ ปกครองกันเอง​ตามลำดับชั้น​ ไม่ข้ามหัวกันไปมา​ ไม่มี “ชุดนี้เก่งที่สุด”​ ชุดนั้นของคนนี้​ เพราะถ้ามีคนเก่งแค่ไม่กี่คน​ จะมี “ดรีมทีม” แทบทุกพื้นที่​

สร้างคนตามระบบ​  ทุกคนทำงานได้ ขอให้สั่งชอบด้วยกฎหมาย​และมีทรัพยากร​ที่เพียงพอ

“ความผิดคนอื่นเห็นเป็นเรื่องใหญ่​ ความผิดตัวเองใหญ่แค่ไหน​ก็บอกว่า คนอื่นทำแบบนี้หมดเหมือนกัน​   เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์​  ใช้ผู้ใหญ่ไม่ได้​ ก็มาสร้างมวลชน​ ปั่นแฟนคลับเชียร์ตาม​อินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียล”

จากนี้ไปสิ่งที่กดคนอื่น ๆไว้ไม่ให้กล้าเผยความชั่วร้าย​จะปรากฏ​มาเรื่อยๆ

” ร้อนรนจะต้องเป็นใหญ่​ ใครขวางต้องมีปัญหา​ เกิดกับคนที่มาขวางทางในชีวิตรับราชการของใคร​ ใครคนนั้นทำมาตลอดชีวิตและระแวงว่าหากหมดอำนาจจะเกิดผลลัพธ์​เพราะทำกรรมไว้มาก” เขาว่า

กลายเป็นปรากฏการณ์ “หายนะ”​ กระแส​ฟีเวอร์องค์กร​ตกต่ำ​ เกิดเพราะใคร​  เอาความผิดพลาดที่ไม่มีการสอบสวนอย่างกระจ่างมาตีแผ่​ โดยเฉพาะความเคียดแค้น​จากการที่กลับมารอบใหม่​ ไม่มีบารมีเช่นเดิม​ ขยี้แผล​ เอาใจมวลชน​

“ไม่ฆ่าน้อง​ ฟ้องนาย​ ขายเพื่อน” ไม่มีในคนคนนี้​

ทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีอำนาจ(มืด) บารมีมากๆ​ หวังผลไกล​ รัฐบาลไหน​ต้อง​ใช้​ One man show มีชาวบ้านที่สงสัย​ในประเทศ​มีตำรวจเก่งคนเดียวหรือ​ ไปจังหวัดไหน​ ตำรวจต้องไปยืนรับ​ แม้กระทั่งรุ่นพี่ๆ ยศสูงกว่า​

คือ ภาพในอดีตที่ตำรวจทุกคนสัมผัส

ยังไม่นับอาการไบโพลาร์​ที่จะแสดงออกกับตำรวจรับใช้ใกล้ชิด​   บางนายถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจ​  ต้องหนี​ ต้องลาออก​  กลับไม่หนำใจ​ ต้องทำ “บัญชีดำ” ไว้ติดตามว่า​ ตำรวจเหล่านั้น​ ตำแหน่งอยู่ไหน​ อยู่กับใคร​ “ทำบันทึกใส่ร้ายป้ายสี”​ ให้ถูกย้ายไปไกลๆครอบครัว​ ทนทุกข์ทรมาน​จนลาออกก็มี​

ตำรวจที่ตกเป็นเครื่องมือของความบ้าระห่ำ​ในอำนาจ​ ต้องการภาพความตงฉิน  ทั่งที่เติบโตด้วยทางลัดที่มากด้วย “วิชามาร​” ยามเข้าหานาย “วาจาไพเราะ”​ สนองได้ทุกเรื่อง​ จบด้วยของกำนัล​  อ่านผู้ใหญ่ออกหมด​ คนนี้ไม่รับ​ของ ชอบภาพแบบไหนจัดทำได้หมด​

“มีอะไรให้บอกผม​ เป็นวลีตบท้ายเวลาเจอผู้ใหญ่​  ตำรวจที่ระดับใกล้เคียง หรือต่ำกว่า​ ดูออกกันหมด​ ทำไมถึงทำแบบนี้ได้เป็นปกติไม่อายใคร”

ผู้ใหญ่​เจอเข้าไปเคลิ้มทุกราย​ ตัวตนแท้จริง​ ต่อหน้าผู้ใหญ่​ เบื้องหลังต่างกันแค่ไหน​ น่าจะเป็นตำรวจในประวัติศาสตร์​ที่มีคดีฟ้องร้องมากที่สุด​

ต่างจากผู้ใหญ่ทั่วไปที่จะใช้การสั่งการอย่างรอบคอบ​ รัดกุม

บริวารที่เหลือจากการกลับมาน้อยเต็มที​ ต่างจากตอนมีอำนาจแต่งตั้ง​ที่นายพลยืนเคียงข้างทุกที่ทั่วประเทศ​ เหลือนายพลที่เคยโอบอุ้ม​ พ.ต.​อ.​ที่เคยใช้งาน​ และรวมตัวกันทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำ

“เรียกทุกคดีมาดูเอง​ มารายงาน​ที่ทำงาน​จนล้นค่าย”

ตำรวจต้องทุกข์​ทรมาน​ ไม่มีหนังสือ​ สั่งข้ามหัวผู้บัญชาการ​ เบิกเงินมาราชการไม่ได้​ บางคนอยู่ใต้​ บางคนอยู่เหนือ​ ต้องมาเช่าหอพัก​ คอยซ้อนมอเตอร์ไซค์​มารายงานตัว​ เช้าลงชื่อ​ ดึก ๆได้เจอ​ ด่าและให้มาใหม่​ วนไป

ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ​ ใครมาอยู่หวังความก้าวหน้า​ อนาคตต้องยิ่งใหญ่ เพราะวางแผนการ​ไว้อย่างลึกซึ้ง​ทุกมิติในเมืองไทย

ความมั่นใจมหาศาล​ คนที่มาทำงานด้วยกลับถูกมองว่า “ต่างตอบแทน”​ ใครที่มาแล้วทนไม่ไหว​ หรือ “น้ำเลี้ยงไม่มี​”จะตามจองล้างจองผลาญ​  เสียงในใจคนเหล่านี้​ “เรามาทำเพื่ออะไร”​ เห็นได้ชัดในครั้งที่หายไป​ คนต่างหนีหาย​ หมดเวรหมดกรรม​

พอกลับมาได้ใหม่​ ครั้นในใจคิดว่า​ คงได้บทเรียน​ แต่ใครจะเชื่อว่า​ เป็นมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว​ การสั่งการ​ การจะได้มาซึ่งผลตอบแทน​ทุกรูปแบบ

สงสารตำรวจบางนายในกลุ่มที่โดนคดี​ “บางคนหัวอ่อน​” บางคนสมประโยชน์​ ต้องทนทุกข์ทรมาน​กับความโชคร้ายที่ไปสนองกิเลส​ ตัณหา​ อำนาจ​จนชีวิตครอบครัวพังตามนายไป

ถูกซ้อม​ ถูกตี​ ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการร้องเรียน​พนักงานสอบสวน​ ทั้งที่มีหน้าที่ไปกดตังค์ “​บัญชี​ม้า”

นับเป็นความเลวร้ายสุดที่กรรมมาไว​ในการใช้ตำรวจเป็น “ขี้ข้า”​ื

ฝากเป็นบทเรียนทั้งคนที่รับราชการ​ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง​ คือ ต้นแบบความเจริญ​ก้าวหน้าที่ผิดพลาด

 

RELATED ARTICLES