ตัดสินใจทิ้งหมึกหนังสือพิมพ์โบยบินไปสู่โลกดิจิทัลค่าย “อัมรินทร์ ทีวี”
อังสุมา ศรีดอกคำ สาวตาคมแห่งเมืองสุพรรณ บุตรสาวคนเดียวของครอบครัว ได้รับการปลูกฝังแบบแม่บ้านศรีเรือนมาโดยตลอด เธอเข้าศึกษาใน อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ระดับประถมที่โรงเรียนบ้านหนองฝ้าย มัธยมโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 สายวิทย์คณิต จนกระทั่งไปศึกษาต่อระดับปริญาตรีในรั้วมหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาเอกวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โทวารสารศาสตร์
เธอสารภาพว่า ในชีวิตนี้ที่มาเป็นนักข่าว เพราะตอนอยู่มัธยม เรียนสายวิทย์-คณิต ทำคะแนนได้เยี่ยมยอด พ่อกับแม่อยากให้ไปเป็นครู มองว่า หน้าที่การงานมันมั่นคง และได้กลับไปสอนที่บ้านเกิดสุพรรณบุรี ประกอบกับเป็นลูกคนเดียว แม่เลยอยากให้กลับไปอยู่บ้าน จนมาถึง ม.6 ที่จะต้องเลือกมหาวิทยาลัยจะศึกษาต่อ ตอนนั้นคิดหนักมาก ไม่รู้จะเลือกเรียนอะไร สับสนในตัวเอง ในใจอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เหตุผลเพราะชอบฟังดีเจพูดออกอากาศ และเปิดเพลง ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่เคารพการตัดสินใจ อีกทั้งให้กำลังใจมาเสมอ
หลังตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ หลงใหลข้อมูลข่าวสาร ชอบที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ พอจบมหาวิทยาลัย อังสุมาเข้าทำงานค่าย “ไทยทีวี” ทันที กลายเป็นจุดเริ่มตนของการลงสนามข่าว “ช่วงนั้นเป็นยุคของทีวีดิจิทัลกำลังเข้ามา เป็นช่วงเวลาสำคัญ และตื่นเต้นมากสำหรับนักข่าวหน้าใหม่ อังยังจำได้ดีกับเหตุการณ์การรัฐประหารในประวัติศาสตร์ของไทย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่สโมสรทหารบก มีเสียงรถ เสียงคน เสียงทหาร เป็นการสลายการชุมนุมจนเกิดความโกลาหลในวันนั้น ยังฝังลึกในความทรงจำของนักข่าวตัวน้อยๆ เพราะอังต้องนอนแถวนั้น นักข่าวใหม่อย่างเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเช่นกัน”
เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานไทยทีวีประมาณ 1 ปี เธอผลักตัวไปอยู่ครอบครัวใหม่หนังสือพิมพ์คมชัดลึก สายอาชญากรรมนับเป็นการท้าทายที่ได้ทำงานในรูปแบบหนังสือพิมพ์ทำข่าวอย่างเข้มข้น ที่ในวงการสื่อจะเรียกกันว่า นักข่าวสายโจร เธอบอกว่า ที่แห่งนี้คือ ครู และครอบครัวที่อบอุ่น ทำให้เรามีกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนถึงเวลาต้องอำลาบ้านหลังเก่าเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
“ประสบการณ์ส่วนตัวพอได้ลงสนามข่าวจริงๆ รู้สึกว่าต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะที่เรียนมากับการทำงานนั้นต่างกัน ทั้งวิธีการทำงาน และการหาข่าว อังต้องปรับตัวอยู่เสมอเพื่อสิ่งที่รัก ทำงานที่ได้รับมอบหมายออกมาให้ดี เพื่อให้คนรุ่นหลัง หรือผู้ที่รับข่าวสารตระหนักถึงความรู้ความเป็นไปของสังคมในสิ่งที่เป็นความจริง”
เธอถือคติประจำใจว่า จงปรับตัว และลองทำสิ่งใหม่ๆเมื่อโอกาสมาถึงอย่างมีสติ