“ผมมันบ้า ๆ บอ ๆ เขาเรียกผมสิงห์คะนองนา

รรดานักบินตำรวจ “สนธยา เขียวสลับ” ถูกยกให้เป็น “ตำนานม้าขาว”ที่ยากจะหาใครทดแทน เขาเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์มือหนึ่งของหน่วยที่ทิ้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้มากมาย

ถือเป็นนักบินมือปราบหัวใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เก่งฉกาจอยู่เหนือเวหา

สนธยา เกิดที่กรุงเทพฯ เป็นลูกชายพันตรีนายทหารม้าอยู่ย่านเกียกกาย ปัจจุบันลาออกก่อนเกษียณอายุราชการปีเดียว ติดยศ “นายพล”ไปเป็น “หัวหน้านักบิน”ให้บริษัทเอกชน หลังตำแหน่งสุดท้ายเป็นนักบิน (สบ5)กลุ่มงานการบิน กองบังคับการกองบินตำรวจ

วัยเด็กเข้าเรียนเซนต์คาเบรียล จบรุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ พล.อ.ธีระศักดิ์ อัตตะนันทน์ ชีวิตกลับไม่ได้เป็นทหารตามพ่อ หรือตำรวจตามเพื่อน เมื่อสอบเข้านักเรียนเหล่าไม่ได้ ต้องไปลงเรียนคณะนิติศาสตร์รุ่น 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ควบคู่กับการทำงานเป็นลูกจ้างอยู่องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ หรือ ร.ส.พ.

ครั้งหนึ่งเกือบได้เป็นนักบิน เมื่อพ่อแม่ย้ายไปอยู่ค่ายธนะรัชต์ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นั่งรถจิ๊ปพากันไปเที่ยวหัวหิน ผ่านศูนย์ฝึกการบินพลเรือน พ่อทักอยากเป็นนักบินไหม สนธยาพยักหน้า เพราะฝังอยู่ในหัวมานาน แต่ก็ต้องฝันสลาย เนื่องจากค่าเรียนปาเข้าไป 3.5 แสนบาท เงินเดือนทหารของพ่อแค่ 5 พันบาท ไม่มีรายได้พอจะส่งเขาก้าวเป็นนักบินอย่างที่มุ่งมั่น

“เหมือนชะตาลิขิต” พล.ต.ต.สนธยา เริ่มลำดับเรื่องราวชีวิตว่า รู้จักกับแฟนสาวทำงานที่เดียวกัน มีพี่ชายอยู่ศูนย์การบินพลเรือนที่กรุงเทพฯ แนะนำว่า มีทุนตำรวจให้ไปเรียนช่างเฮลิคอปเตอร์ กำลังต้องการรับ 16 คน แต่ต้องไปสอบ ปรากฏว่า ได้ไปเรียนช่าง เรียนรู้ทฤษฎีอยู่ 2 ปี 7 เดือน ก่อนลงบรรจุเป็นพลสำรองพิเศษ ไฟกำลังแรงอยากขึ้นเครื่องมาก สมัยนั้นเฮลิคอปเตอร์จะมีนักบิน 2 คน ช่างเครื่อง 2 คน และพลปืนอีก 2 คนอยู่ตรงประตู ทว่าส่วนใหญ่ช่างเครื่องจะทำหน้าที่พลปืนด้วย

การเริ่มต้นชีวิตช่างเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจของเขา กลับประสบการณ์เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ชาติครั้งใหญ่ เป็นช่วงลัทธิคอมมิวนิสต์ระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิตเป็นตัวแทนพระองค์จะไปประทับแรมที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่นั่นเสียต้องเอาเครื่องใหม่เอี่ยมมาจากสิงคโปร์ไปรับแทน “ผมอยากขึ้นเครื่อง ตอนนั้น ผกค.แรงมาก ไม่มีใครอาสาไป แต่ผมอยากไป โดดขึ้นเครื่องไปเลย ยังไม่ถึงหัวหิน มีแจ้งว่าเกิดการปะทะกันที่ป่าละอู เพชรบุรี ต้องบินลงช่วยคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเสร็จแล้วบินต่อสุราษฎร์ธานีเข้าทุ่งสง กะว่าส่งแล้วกลับ แต่ดันไม่มีช่างเขาเลยให้ผมช่วยงานก่อน”

“ผมอยู่ถึงวันที่ 6 ก.พ.20 เอาเครื่องไปส่งกำลังที่บ้านพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ถูกยิง เครื่องมาใหม่ ๆ พัง เป็นช่างเครื่องคนเดียว ไม่ได้ติดปืน นักบินกลับประคองไปหน่วยได้ เครื่องพังเสียหายไปไหนไม่ได้ ผมแค้นเหมือนกัน กำลังหนุ่ม ขึ้นเครื่องไม่ถึง 3 เดือนจะถูกยิงตกซะแล้ว นักบินถูกส่งกลับไปใหม่ คราวนี้ผมขอปืนติดไปด้วย ยิงไม่เป็นหรอก พอติดปืนเสร็จก็ถามพวกยิงเป็นมาสอนหน่อย ตอนหลังพอบินขึ้นไปยิงเสร็จก็ต้องแบกมาให้ ตชด.ล้าง เพราะถอดไม่เป็น ถ้าติดขัดในอากาศทำได้ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่จับปืนยิงถล่มโจรคอมมิวนิสต์” พล.ต.ต.สนธยาบอก

กระทั่งวันที่ 16 ก.พ.20 หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิตเสด็จแทนพระองค์ ตื่นเช้ามามี ตชด.เหยียบกับระเบิดขาขาด 2 คน ที่บ้านเหนือคลอง อำเภอเวียงสระ สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สนธยาเล่าว่า ท่านนั่งฟังวิทยุอยู่ เรียกนักบินช่างเครื่องไปกินกาแฟ ตัวเขาแค่พลตำรวจ ผู้แทนพระองค์ชงกาแฟให้ต้องคลานเข้าไปรับ ท่านกลับบอกให้นั่งตามสบาย รับสั่ง ชั้นอะคนธรรมดา แต่ว่าเป็นตัวแทนพระองค์แค่นั้นเอง กันเองได้ เมื่อวิทยุรายงาน ท่านถามอยู่ตรงไหน มีตำรวจรายงานไปว่า อยู่ใกล้ที่จะเสด็จไปวันนี้ ห่างไม่เกิน 5 กม. ท่านเลยบอกงั้นเรารีบไปช่วยเลย ชั้นอาสากาชาด บินจะเอาพระเครื่องดังไปแจกด้วย

เมื่อถึงฐาน ตชด. พล.ต.ต.สนธยาที่ตอนนั้นแค่พลสำรองพิเศษทำหน้าที่ช่างเครื่องทูลเชิญเสด็จลง หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิตสวนทันทีบอกชั้นตัวแทนพระองค์ เธอไม่มีสิทธิมาสั่งชั้น ชั้นอาสากาชาด ขอเข้าไปตรงที่ ตชด.ขาขาดด้วย นักบินต้องพาท่านเสร็จไปด้วย บินเหนือยอดยางตามยุทธวิธีการบิน “ ผมอยู่ปืนซ้าย เพื่อนอยู่ปืนขวา เจอ ผกค. เกิดการปะทะ เฮลิคอปเตอร์โดนยิงไป 106 รู เป็นพื้นที่นั่งอยู่ ท่านนั่งอยู่ข้างหน้าหลังนั่งบิน มีหมอเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครศรีธรรมราช พยาบาลประจำตัว และนายตำรวจอีกคน”

        “ก่อนโดนยิง บนเครื่องมีเสื้อเกราะ 5 ตัว ผมเอาให้นักบิน 2 ตัว มีผมใส่กับเพื่อนพลปืนอีก 2 ตัว เหลือตัวเดียวผมเอาไปถวายท่านเพื่อความปลอดภัย เสื้อเกราะสมัยก่อนหนัก 7 กก. ท่านรับสั่งว่าหนัก และดูสกปรกนะ ท่านบอกไม่เอา ผมก็โยนไปกลางเครื่อง หม่อมเจ้าโดนกระสุนเอ็ม 16 เข้ากระเบนเหน็บ ไปออกใต้รักแร้ขวา ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ ยิงกันอุตลุด เสียมันดัง พื้นเครื่องเหมือนกลองแต๊ก โดนกระสุนรัวสนั่น”

นายตำรวจเดนตายบอกว่า ในเครื่องมีหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิตโดนกระสุนนัดเดียว ส่วนเขารู้ตอนหลังว่าถูกยิงเหมือนกัน แต่กระสุนเข้าเสื้อเกราะติดอยู่ท้ายทอย และก้นเลยรอดมาได้  พอเอาเครื่องลง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครศรีธรรมราชถึงกับส่ายหน้า กระสุนเอ็ม 16 คมมากเข้าคว้านตับไตไส้พุง “ผมอุดเลือดให้ท่านอยู่ 20 นาที เครื่องจากสุราษฎร์ธานีบินไปช่วยพาขึ้นประทับบนเครื่อง ท่านก็ไปสิ้นบนนั้น ผมแค้นชิบหาย รีบโทรศัพท์ไปหาเมีย บอกยังอยู่นะ เมียบอกพ่อ ตอนนั้นผมเพิ่งได้ลูกชาย พ่อลาออกเหอะ ผมบอกเดี๋ยวค่อยคิดกัน”

“ภาพมันติดตา เลือดเต็มตัวผม หม่อมเจ้ารับสั่งก่อนสิ้นว่า เธอจะมายุ่งอะไรกับชั้น เธอไปช่วย ตชด.ให้ได้ พูดไป 4-5 นาทีก็บอก ชั้นแย่แล้วล่ะ ชั้นมองเห็นแสงเป็นจุดแดง ๆ สงสัยจะไม่ไหวแล้วล่ะ ทูลลาในหลวงให้ด้วยนะ ผมแค้นมาก จะมาทำความดีมาโดนอย่างนี้ ผมก็นึกในใจของผมเอง ผมอยากเป็นนักบิน บนในใจตัวเอง กูจะต้องเป็นนักบินให้ได้ กูต้องมาล้างแค้นกับมึง” อดีตนักบินมือหนึ่งของกรมตำรวจระบายความรู้สึกถึงวินาทีประวัติศาสตร์ที่พลิกผันชีวิตตัวเขาด้วย

หลังกลับมาที่กองบิน ผู้บังคับบัญชาเห็นสภาพเขาเลยให้ย้ายไปพักผ่อนคลายเครียดที่อุดรธานี ปรากฏไปรายงานวันแรกมีคอมมิวนิสต์ปะทะกับ ตชด.ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตายไป 50 คน เรียกว่า ฐานละลาย เขาต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยขนศพมา นั่งอยู่บนศพแบบซังกาตาย “ไหนบอกให้กูมาพัก” พล.ต.ต.สนธยาบ่นกับตัวเอง แต่เขาบอกว่า ตอนนั้นมันหนุ่ม ใจมันก็สู้ ทุกวันก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยิงกับเขา กลางคืนไม่นอน ตื่นเช้าประมาณ 6 โมง เครื่องขึ้นแล้ว ไปยิงแถวเลยบ้าง อุดรธานีบ้าง หนองคายก็มี ทั้งที่เป็นช่างเครื่องอยู่จนมีการเปิดสอบนักบินถึงไปเดินตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ได้สำเร็จ

  นักบินหนุ่มมีโอกาสกลับไปล้างแค้นที่สุราษฎร์ธานีลุยรบถล่มคอมมิวนิสต์อีกครั้งจนถูกสุรชัย แซ่ด่าน ตั้งค่าหัวไว้ 2,500 บาท เขาใช้เครื่อง Jet Ranger โชว์ศักยภาพโฉบเฉี่ยวไล่เหล่า ผกค.จนแตกทัพกระเจิงหลายครั้ง อีกทั้งยังบินเสี่ยงตายบุกช่วยทหารที่ถูกจับเป็นตัวประกันในป่า ตามคำสั่งของ พล.อ.หาญ ลีลานนท์ แม่ทัพภาค 4 ชนิดที่ทหารนายนั้นไม่ลืมพระคุณเขาไปตลอดชีวิต ถัดจากนั้นได้ไปประจำอยู่หน่วยบินตามฐานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ก่อนไปเจอ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ที่ขณะนั้นติดยศ พ.ต.อ.คุมพื้นที่จังหวัดยะลาพาตะลุยงานใหญ่งานลับหลายหนจนเป็นที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจของมือปราบเสือใต้คนนี้ถึงขั้นตั้งให้เป็นชุดเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมประจำตัว พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ในเวลาต่อมา

เป็นจังหวะที่สนธยากำลังเผชิญมรสุมชีวิตพอดี เจ้าตัวเล่าว่า ตอนนั้นไปทำงานเฉพาะกิจให้ พล.ต.อ.ณรงค์วิช ไทยทอง พื้นที่ภาคตะวันออกภูธรภาค 2 มีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นประจำเพราะถนนเข้าแหลมฉบังยังสร้างไม่เสร็จ พล.ต.อ.ณรงค์วิชเลยให้ช่วยบินดูสภาพการจราจรเพื่อแก้ไขปัญหาด้วย มีอยู่วันไปทำงานลับแถวปักธงชัยกับ พ.ต.อ.ทนัย อภิชาติเสนีย์ นายเวร พล.ต.อ.ณรงค์วิช กลับมาเห็นรถติดยาวเหยียด ไม่เห็นมีตำรวจออกมายืน วิทยุเรียกก็ไปตอบ ฝนก็ตก ตัดสินใจบินลงไปแล้วช่วยเป่านกหวีดอำนวยการจราจร เป็นเรื่องปกติที่ทำประจำอยู่แล้ว

รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ประโคมข่าวหาว่า รถติดเพราะมาดูเฮลิคอปเตอร์ “ผมไม่รู้หรอก ตอนนั้นมันเย็น มันไปออกฉบับเช้า นอนอยู่โรงแรม เมียโทรมาถาม เครื่องพ่อหรือเปล่าลงไทยรัฐจ๋าเลย หมายเลข 2313 ให้เมียแฟกซ์มาดู ใช่เลย คืนนั้นยังมีรายการทีวีเอาไปออกอีก หาว่านักบินเมายาบ้า ผมนั่งอยู่กับท่านณรงค์วิช แกบอกไอ้สน ไม่ต้องตอบโต้นะ ผมรับปาก ท่านรู้นิสัยผม พอดีนักข่าวคนนั้นขึ้นไป ผมแต่งชุดนักบินอยู่ มันก็ถ่ายรูปใหญ่ ผมบอกถ่ายเต็มที่เลยนะ ผมเป็นคนที่บินเมื่อวาน และผมคิดว่า คุณเป็นคนเขียนข่าว ผมถามว่า นักข่าวเนี่ยนะ ผมไม่ทะเลาะด้วยอยู่แล้ว แต่คุณลงไป คุณลงแบบนี้ ถามจริงได้ถึงสามพันมั้ยวะ มีทั้งภาพ มีทั้งข่าว แต่คุณรู้มั้ย ชีวิตผมทั้งชีวิต แม่งหมดเลย”

วันต่อมา อธิบดีกรมตำรวจให้ผู้การกองบินเรียกตัวเขากลับทันที ผ่านไป 3 วัน พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เป็นรองอธิบดีคุมปราบปรามโทรไปกองบินสั่งให้สนธยา พร้อมเครื่องไป 1 ตัวประจำอยู่กับ พล.ต.อ.สล้าง ทำเอาผู้การไม่พอใจหาว่า ชีวิตเขาเอาแต่วิ่งเต้น ทั้งที่ผู้ใหญ่เห็นในฝีมือมากกว่า “ผมก็ไม่รู้จะเถียงยังไง ผมขับ ฮ.ลงถนนบ่อย บนทางด่วนผมยังเคยลง ท่านสล้างบอก จ.ส.100 โทรมา มีรถติดอยู่บนทางด่วนหญิงท้องแก่จะคลอดแล้วไม่รู้จะทำยังไง ผมถามตรงไหนครับนาย อยู่ด่านพระโขนง ผมบอกไปเดี๋ยวนี้ นายบอกให้มันเคลียร์พื้นที่โดยถอยหลังรถไป 3 คัน เดินหน้าไป 3 คัน เอารถคันนั้นที่เป็นแท็กซี่มีผู้โดยสารท้องใกล้คลอดจอดไว้ตรงกลาง ผมบินลงไปรับส่งโรงพยาบาลจุฬา เด็กคนนั้นพ่อแม่ตั้งชื่อให้เลยว่า คอปเตอร์”ตำนานนักบินตำรวจเล่าด้วยความภาคภูมิใจ

เขาทำงานบ้าระห่ำทุกรูปแบบ มีเหตุคดีใหญ่ที่ไหนจะทำหน้าที่พา พล.ต.อ.สล้าง ขึ้นไปนั่นสั่งการไล่ล่าคนร้ายไม่ต่างจากต่างประเทศ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุเพลิงไหม้ในอาคารสูงถึงขั้นกินเนสส์ บุ๊กลงบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วยกับกรณีวีรกรรมเยี่ยงวีรบุรุษใช้เฮลิคอปเตอร์บินเข้าช่วยเหลือผู้ติดอยู่บนอาคารเพรสซิเด้นท์ ทาวเวอร์ ย่านเพลินจิต บินวนอยู่ 19 เที่ยวในเวลาชั่วโมงสี่สิบห้านาที สามารถช่วยเหลือคนติดอยู่ออกมาได้อย่างปลอดภัย 75 คน

“ผมมันบ้า ๆ บอ ๆ เขาเรียกผมสิงห์คะนองนา ทำงานกับท่านสล้างมากมาย แต่ชอบอยู่เบื้องหลังมากกว่า เพราะตอนเข้าไปอยู่กองบินตำรวจใหม่ ๆ พล.ต.ต.พิชิต ลักษณาเวช เป็นผู้การเขียนติดไว้ว่า จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา ผมถามหมายความว่าอย่างไร ท่านบอกเราต้องจงรักภักดี ไม่ต้องทำงานเอาหน้าเอาตา ผมชอบคำนี้และพยายามทำงานอยู่เบื้องหลัง ชอบปราบปรามงานลับ ๆ ไม่ชอบแสดงตัว เหมือนตอนไปบินปฏิบัติภารกิจกับหน่วยปราบปรามยาเสพติด”

สนธยา พร้อม Jet Ranger คู่ใจออกบินไล่ล่าขบวนค้ายานรกครั้งแรก หลังจาก พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน นายตำรวจลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ประสานขอใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ติดตามคนร้ายค้ายาเสพติด เหตุเพราะ พล.ต.ต.ชินภัทร เป็นหนุ่มนักเรียนนอกเห็นเมืองนอกใช้เครื่องบิน Jet Ranger ตามคนร้ายทั้งวันทั้งคืนมาแล้ว แต่เมืองไทยมักไม่มีใช้กัน ทั้งที่จริงแล้ว พล.ต.ต.สนธยา ใช้มันไล่ล่าอาชญากรรมมาก่อนหน้าไม่น้อยเช่นกัน เที่ยวแรกเขาพา พล.ต.ต.ชินภัทร สะกดรอยตามคนร้ายไปเอายาบ้าที่สวนผึ้ง ราชบุรี แล้วเอาเฮลิคอปเตอร์ลงกลางถนนตรงด่านท่าตำหนัก นครปฐมจับคนร้ายได้พร้อมของกลาง

นับแต่นั้นมา ม้าขาวฉายาสิงห์คะนองนาของสนธยาต้องอยู่ช่วยเล่นบทพระเอกในคราบฮีโร่สวมหน้ากากติดตามแก๊งค้ายาเสพติด อยู่เบื้องหลังจับยานรกลอตใหญ่ถึง 3 ล้านเม็ด 4 หน เฮโรอีนอีก 200 กก.  แถมยังช่วยชีวิตตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่ถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บ 2 คน “ผมกับคุณป๋อ ชินภัทรบินสะกดลอยตามจากเชียงใหม่ไปยิงกันตรงพัฒนาการ นัดล่อซื้อส่งมอบยาเสพติดใต้ดินอาคารจอดรถ คนร้ายยิงตำรวจถูกขาเส้นเลือดใหญ่ขาด 2 นาย เพื่อนกำลังเอาขึ้นกระบะรถปิกอัพส่งโรงพยาบาล”

“ผมฮอบอยู่ข้างบน มองแล้วกว่าจะถึงโรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลใกล้เคียง รถติดไปไม่ทันแน่ ผมบอกให้เอารถปิกอัพไปหลังอพาร์ตเมนต์ มีสนามบอลโกล์หนูอยู่ ผมลงจอดตรงนั้นแล้วเอาตำรวจทั้ง 2 คนบินไปโรงพยาบาลตำรวจ เลือดท่วมเครื่อง มากับคุณป๋อ วิทยุบอกให้เปิดรอรับ พักเที่ยงพอดีไม่มีคน ดับเครื่องลงมาหามใส่รถเข็นลงไปห้องฉุกเฉินข้างล่าง เอาเท้าเตะประตูเข้าไป พยาบาลตกใจกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ นึกว่ามูลนิธิ เพราะผมใส่ชุดนักบินด่าว่า ทำไมใช้เท้าอีกต่างหาก ยังถามอีกว่า คนเจ็บผู้ร้าย หรือตำรวจ ผมบอก ถึงมันเป็นผู้ร้ายคุณก็ต้องมีหน้าที่รักษาเขา ไม่ใช่มานั่งกินข้าวกัน”

ผลการปราบปรามยาเสพติดของตำรวจนักบินที่อยู่เบื้องหลังการทำงานมาตลอด มีส่วนให้หน่วยดีอีเอ ของสหรัฐอเมริกาเห็นฝีไม้ลายมือ และตั้งให้เขาเป็นฝ่ายภาคอากาศ มีเงินเดือนให้   ให้เข้าอเมริกาผ่านตลอดทั้งชาติ “แต่ผมไม่รู้จะไปทำไม ตังค์กูก็ไม่มี” พล.ต.ต.สนธยาเล่าอย่างขบขัน แม้ครั้งหนึ่งต้องสูญเสียลูกสาวด้วยโรคเนื้องอกที่หัวใจเป็นรายแรกที่พบในประเทศไทย เป็นรายที่ 4 ของโลก ได้เงินประกันชีวิตของลูกสาวที่ทำงานอยู่การบินไทยเอาไปส่งให้ลูกชายเรียนการบินพลเรือน อีกส่วนซื้อบ้านย่านวัชรพลยังไม่วายถูกข้อครหา “มีคนหาว่า ผมเอาเงินจากไหนมาซื้อบ้าน จะให้ สตง.มาตรวจสอบ ผมบอกว่า เงินก้อนนี้แลกด้วยชีวิตลูกสาวกู มันถึงเงียบไป”

แต่ยังไม่เจ็บใจเท่าถูกกล่าวหาเป็นกบฏจนตัวเองต้องตัดสินใจหันหลังให้วงการสีกากีที่เขาเสียสละเสี่ยงตายเหนื่อยมาเกือบทั้งชีวิตราชการ พล.ต.ต.สนธยาระบายความรู้สึกว่า ทำงานอยู่เบื้องหลังหลายเหตุการณ์ เช่น วันที่กะเหรี่ยงยึดสถานทูตพม่า แผนการช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมดก็ออกจากเขา ต่อมา กะเหรี่ยงกลุ่มเดียวกันไปบุกยึดโรงพยาบาลราชบุรี เขากับ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร แอบบินไปถ่ายรูปบนอากาศเพื่อวางแผนปฏิบัติการตอนกลางดึก เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นประสบความสำเร็จมีน้อยคนที่จะรู้เบื้องหลัง

“ผมทำงานลักษณะนี้ถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตราชการ” ตำนานกองบินระบุ

 “สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ผมถูกวางตัวให้เป็นชุดคุ้มกัน แต่ไม่ใช่วีไอพี จะเป็นตัวเข้าไปฉกกรณีมีเหตุฉุกเฉิน ครั้งหนึ่งผมก็ไปฉกที่ลำพูนตอนที่ม็อบล้อมนายกฯทักษิณ ในทำเนียบรัฐบาล บ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ว่ากลางวัน กลางคืน ผมลงได้หมด ครม.สัญจร ผมก็ตามตลอด แต่นักข่าวจะไม่รู้ ผมจะไปลงห่างคณะราว 3 กม. ตามกันเป็นปี” เขาว่า 

“วันที่ 19 กันยา 49 ผมถูกวางให้ต้องรับนายก ฯ หรือคณะนายกฯ ออกมาในที่ปลอดภัยที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง แต่วันนั้น นายกฯอยู่อังกฤษ เกิดปฏิวัติขึ้นมา ผมเข็นเครื่องออกมาแล้ว มีคนของผมวางไว้ รู้กันเงียบ ๆ  นัดกันกับทีมคุ้มกันวีไอพีครอบครัวนายกฯไปเจอกันไบเทค บางนา ผู้การกองบินที่เป็นเพื่อนผมใส่ขาสั้นมายืนทักว่า จะเป็นกบฏเหรอ ผมขึ้นไม่ได้ คิดอยู่นาน ผมขึ้นได้นะผู้การ แต่การเมืองมันแรงมาก รุ่งขึ้นมีประชุมที่กองบินคน 300 คน ผู้การมาพูดย้ำในที่ประชุมอีกว่า ผมจะเป็นกบฏ เพื่อนมันหักหลังผม ผมช้ำมาก มันว่า เราไม่พอยังเอามาประจานอีก”

สุดท้ายเขาขอลาออกก่อนเกษียณปีเดียว ติดยศนายพลไปทำงานนั่งให้บริษัท Advance Aviation ตำแหน่ง Chief Pilot คนแรกของบริษัทตามที่ครั้งหนึ่งเจ้าของนาม “วิคเตอร์” เคยให้สัญญาไว้ว่า “สักวันเราจะต้องมาร่วมงานกันอีก เราจะซื้อเครื่องบินเอง คุณต้องมาเป็นนักบินคนแรกของบริษัท”

ตรงกับอุดมการณ์ที่ผ่านเรื่องราวมามากมายในชีวิตของเขา

“ผมคิดว่า ผมเป็นนักบินอาชีพ”

สนธยา เขียวสลับ !!!

 

RELATED ARTICLES