น้ำตาจ่าเพียร

เวลาผ่านไป 10 ปี เรื่องราวของตำนานนักรบสีกากีแห่งสมรภูมิใต้ยังอยู่ในความทรงจำใครสักกี่คน

นอกจากครอบครัวลูกเมียผู้ใต้บังคับบัญชาและนายที่ใกล้ชิด

12 มีนาคม 2553 เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการตำรวจ เมื่อ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จังหวัดยะลา ถูกผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดจบชีวิตในพื้นที่ที่เขาทำงานมานานกว่า 40 ปี

จ่าเพียร ขาเหล็ก ผู้กล้าแห่งเทือกเขาจากไปเยี่ยง “วีรบุรุษ” และทิ้งความทรงจำไว้มากมายยิ่งกว่า “ละครน้ำเน่า” ทางจอแก้ว

เป็นละครที่เรียก “น้ำตา”ผู้ชมทั่วประเทศและสั่นสะเทือนองค์กรสีกากี เขย่าต่อมสำนึกผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ถูกนักการเมืองกุมชะตากรรมนักรบแดนใต้

เจ้าตัวนำลูกน้องปะทะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บันนังสตามานาน กระทั่งถูกตั้งค่าหัวจากบรรดาโจรแบ่งแยกดินแดง โดนลอบสังหารหลายครั้ง แต่ไม่เคยหวั่นไหวหวาดกลัว

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 คนร้ายวางแผนระเบิดถล่มทหารกับตำรวจบนถนนเปลี่ยวเลียบเขา หมู่ 6 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ล่อให้พันตำรวจเอกนักรบไปตรวจที่เกิดเหตุก่อนกดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซ่อนอยู่ในรถจักรยานยนต์ริมถนน ทำให้หูอื้อบาดเจ็บเล็กน้อย

เฉียดตายเที่ยวล่าสุดในครั้งนั้น เขานอตหลุดระบายความอัดอั้นผ่านสื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ-ผู้กำกับการ ที่ผ่านมา

“อีกปีเดียวผมจะเกษียณอายุราชการแล้ว ได้ไปขอความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาขอย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อเตรียมเกษียณอายุราชการ และเป็นของขวัญให้กับภรรยา เพราะรับราชการวนเวียนอยู่ในบันนังสตา ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม รบกับกลุ่มคนร้ายมาเกือบร้อยครั้ง บาดเจ็บแทบเสียชีวิตก็หลายหน คนร้ายเสียชีวิตเพราะต่อสู้กับผมก็หลายคน โล่ และหนังสือชมเชยมีจะเต็มบ้าน” พ.ต.อ.สมเพียรว่า

พอถึงคำสั่งออก กลับไม่มีชื่อ

“ผู้บังคับบัญชาผมบอก เพียรเอ๊ย ทำให้เต็มที่แล้ว แต่ยังมีนายต้องการเงินอีก ผมน้อยใจมาก ยิ่งหลังเกิดเหตุ แทบจะยกเอาโล่ เอาคำชมเชยทั้งหมดมาเผาหน้าโรงพัก เพราะน้อยใจ”    

“เข้าใจว่า นายอยากจะทำเรื่องพระราชทานยศพลตำรวจเอกให้ เป็นประโยคเศร้าสะเทือนใจของนักรบสีกากีกระดูกเหล็ก

แล้วก็ถึงวันนั้นจริง ๆ

 วันที่ได้รับพระราชทานยศ “พลตำรวจเอก”

หลังจากหอบผลงานที่ทำมาเกือบตลอดชีวิตราชการตำรวจเข้ากรุงมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ผู้นำประเทศกลับส่งแค่ตัวแทนมารับเรื่อง

ผู้กำกับเดนตายทำได้เพียงวอนผ่านสื่อทั้งน้ำตา “ทำงานในชายแดนภาคใต้มากว่า 40 ปี เหลืออายุราชการอีกแค่ปีกว่าจะเกษียณ เมื่อถึงช่วงปลายชีวิตราชการน่าจะได้ไปพักผ่อนในสถานที่สบาย ๆ”

ขอสมัครย้ายไปเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันตัง จังหวัดตรัง ตำแหน่งที่ว่างอยู่

สุดท้ายกลับอยู่ที่เก่า

“ที่ผมออกมาเรียกร้องครั้งนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าตำรวจในภาคใต้ทำงานอย่างไร ไม่ได้เรียกร้องหาความเป็นธรรมใด ๆ เพราะมีคนเคยพูดว่าตำรวจเลือกที่กับเลือกนายไม่ได้”

เจ้าตัวอยากให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาสะสางปัญหา

ยันยันด้วยว่า ที่ไปร้องเรียน ไม่ได้โวยวายเพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดี แต่อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงรับรู้ว่า พวกเราทำงานกันอย่างไร ทำงานท่ามกลางความขาดแคลน แต่ไม่เคยเอาอุปสรรคไปอ้างเพื่อสร้างปัญหา

 นำไปสู่วาระสุดท้ายของเขา

กระทั่งเวลาผ่านไป 10 ปี อนุสาวรีย์ของ “สมเพียร เอกสมญา” ยังยืนเป็นอนุสรณ์นักรบที่ถูกทอดทิ้งจากผู้มีอำนาจอยู่ในวัดเมือง จังหวัดยะลา

น้ำตาของเขายังไม่เคยหายไปจากความทรงจำใครหลายคน

สะท้อนสะกิดเตือน “ไอ้โม่ง” ที่ประหัตประหารเขาอย่างเลือดเย็น

 

RELATED ARTICLES