ประเทศไทยพร้อมจะมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายแล้วจริงหรือ
ขึ้นอยู่กับคนไทยมีวินัยในการเล่นได้เสียมากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันบ่อนการพนันยังคงเปิดดาษดื่นเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ตำรวจไม่ได้หลับตาข้างเดียว แต่เสมือนรู้เห็นเป็นใจ “รับเงินใต้โต๊ะ” แลก “ใบอนุญาตปากเปล่า” เมื่อถึงคราวให้ปิดต้องปิด ไม่ใช่ลักลอบดื้อแพ่ง ไม่ทำตามกติกา
สุดท้ายวิบากกรรมไม่พ้นตำรวจท้องที่
เมื่อเลือก “รับชอบ” ย่อมหนีไม่พ้นจะต้อง “รับผิด”
สงสารก็แต่พวก “ผีพนัน” ไม่ต่างจาก “แมลงเม่า” หลงเข้ากองไฟ
มีเรื่องเล่าของหญิงชรานางหนึ่ง ติดพนันงอมแงมจนเป็นนิสัย แม้หยุดพฤติกรรมไปได้พักใหญ่ ไม่นานราวกับ “ภูตผี” มาเข้าสิงร่างชวนนางหวนคืนสังเวียนอีกครั้ง
นางพร้อมญาติสนิทพากันไปขลุกอยู่ใน บ่อนพนันใหญ่แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี พกเงินติดตัวไป 6 หมื่นบาท วาดหวังโชคชะตาเนรมิตเปลี่ยนเป็นกองผลกำไรในวงไพ่กลับมาใช้อย่างอู้ฟู่
เช่นเดียวกับอีกหลายร้อยชีวิตที่ไปกองอยู่ในนั้น
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง นางไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่รู้สึกกังวล เนื่องจากยอดหน้าตักใกล้หมดลงไปทุกที
โชคชะตากำลังเล่นตลกกับนางอย่างนั้นหรือเปล่า
“ทำไมวันนี้มันดูอับโชค” หญิงชราโทษเทวดา โทษฟ้า โทษดิน โทษดวง
ไม่เคยนึกโกรธหรือโทษตัวเอง
ในที่สุด เงินต้นทุน 6 หมื่นบาทเทเกลี้ยงกระเป๋าละลายไปกับหายนะกลางบ่อนพนัน นางกัดฟันตัดสินใจถอดสร้อยคำทองคำหนัก 2 บาทจำนำนายทุนในบ่อน หวังเอามาสู้ต่อเหมือนตามเงินเก่ากลับคืนมาแล้วจะได้รามือกลับบ้าน
นางหน้ามืดไปแล้ว
เงินจำนำสร้อยกว่า 4 หมื่นบาทหายไปในหริบตา
“มีให้อีชั้นกู้ยืมไหม” หญิงชราไม่ยอมแพ้
บ่อนพนันแห่งนี้ไม่ต่างบ่อนพนันใหญ่ทั่วไปที่รวบรวมอิทธิพลสารพัดก๊วนเข้าไปสุมหัวรอตะครุบเหยื่อที่อ้อนล้าจากวงพนัน มีตั้งแต่ นายทุนเงินกู้นอกระบบ หน้าม้า นักเลงหัวไม้ ตลอดจนมือปืน และขี้ยาสารพัดพิษ
เพียงแค่ บัตรประชาชนใบเดียว นางได้เงินกู้นอกระบบมาหมุนในวงพนันอีก 4 หมื่นบาท ไม่สนราคาดอกเบี้ยรายวันแพงระยับ
นางหน้ามืดอีกรอบ
เที่ยวนี้หมดตัว หมดทุน กระเป๋าฉีก หน้าตาอิดโรย ท้องกิ่ว ทว่าไม่รู้สึกหิว
นางตามัวราวกับชีวิตมืดมน
ลูกหลานเคยเตือนให้เลิก เพราะชีวิตที่อยู่ทุกวันเปี่ยมสุข มีกิน มีใช้ ไม่ถึงกับร่ำรวย แต่ไม่อัตคัดขัดสนอะไร
ทำไมนางถึงหลงเชื่อผีพนัน
นักเลงหัวไม้สมุนนายทุนเงินกู้ท่าทางมีมิตรไมตรีพานางไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน แต่นั่นไม่ได้เกิดจากความหวังดี เพียงแค่ตามมาเพื่อให้รู้ที่อยู่แน่ชัดว่าจะทวงหนี้คืนได้จากนางได้ที่ไหน
วันแล้ววันเล่านักเลงหัวไม้ตามไปตะโกนทวงถามหนี้สิน
เงินต้นไม่มี ดอกเบี้ยยังค้างชำระ
“ผมสงสารคุณป้า ผัดผ่อนได้ แต่ต้องเสียค่าทวงรายวัน วันละสองพันบาท ไม่หักหนี้ ไม่หักดอกเบี้ย” นักเลงหัวไม้ในบ่อนหยิบยื่นประกาศิตจากนายทุน
หญิงชรากลัดกลุ้มแทบสิ้นเนื้อประดาตัวบอกใครไม่ได้แม้แต่สามี หรือลูกหลาน เพราะทุกคนเคยเตือนไว้ก่อนแล้ว
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของเรื่องราว “ผีพนัน” กับ “บ่อนเถื่อน” เกลื่อนเมืองในปัจจุบัน
ไม่แปลกที่หลายคนคิดฆ่าตัวตาย หลายคนคิดเป็นโจรผู้ร้ายเพื่อหาเงินมาใช้ปัดเป่าภาระหนี้สินที่เกิดจาก “หนี้นอกระบบ”
ระบบที่ฝังรากลึกอยู่ใต้ดินมานานหลายสิบปี