เมื่อเสือมันได้เวลาหิว

ตัวเลขสถิติภาพรวมของการเกิดคดีอาชญากรรมทั่วประเทศรอบเกือบ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้วัดได้ว่า “ลดน้อยลง” เป็นที่น่าพอใจ

เหตุผลมาจากรัฐบาลประกาศใช้ พระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)

เป็นมาตรการเข้มงวดและเร่งด่วน

นำเอาการบังคับใช้กฎหมายเป็นเสมือน “อาวุธ” สู้รบกับ เชื้อไวรัสอุบัติใหม่ ควบคู่กับการกวดขันปราบปรามอาชญากรรมที่ซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อการดำเนินชีวิต

ส่งผลให้สถิติการเกิดอาชญากรรมให้ห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึง 23 พฤษภาคม 2563 มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

สถานภาพคดีอาชญากรรมไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 1 (ชีวิต ร่างกาย เพศ) กลุ่ม 2 (ทรัพย์) กลุ่ม 3 (พระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญา) เกิดลดลง

ขณะที่กลุ่ม 4 (ผลการจับกุมคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหาย) มีจำนวนเพิ่มขึ้น

เมื่อนำสถิติคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมาเปรียบเทียบกับผลการจับกุมพบว่า การดำเนินการจับกุมที่เพิ่มขึ้น และบังคับใช้กฎหมายตามพระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉิน ส่งผลให้คดีอาชญากรรมทุกประเภทมีแนวโน้มลดลง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังสนุกมีความสุขกับ “ตัวเลข” ที่ชี้วัดความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาด

พวกเขาเชื่อว่า การบังคับใช้กฎหมายตาม พระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉิน หรือที่ชาวบ้านมักนิยมเรียกว่า “เคอร์ฟิว” มีผลดีต่อบ้านเมือง

แต่ไม่มีหน่วยไหนทำสถิติ “ผู้คนตกงาน” พลิกผันไปเป็น “โจรผู้ร้าย” ออกก่อคดีหาเงินประทังชีวิตกี่ราย

ไม่มีหน่วยไหนทำสถิติ “ผู้คนตกงาน” อยู่ในสภาวะเครียด ซึมเศร้า ก่อนลงเอยด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” ไปกี่ศพ

ขณะเดียวกัน ไม่มีหน่วยไหนทำสถิติ “แก๊งตำรวจนอกแถว” ออกตระเวนข่มขู่กรรโชกทรัพย์ หลังจาก “เบี้ยเลี้ยง” หดหาย ละลายไปกับ “เคอร์ฟิว” ทำให้เกิดอาการหิวกระหาย ตาลาย น้ำลายเหนียว ตามมาด้วยหนี้สินพะรุงพะรัง

ว่ากันว่า ตำรวจแทบจะเป็นหน่วยเดียวที่หลายคนไม่จำเป็นต้องผ่าน “หลักสูตรการบิน” แต่สามารถรับบท “นักบิน” อาละวาด “ตีกิน” ทั่วอาณาจักร

 ส่งสัญญาณ “เสือหิว” ออกล่าเหยื่อ

พฤติกรรมหนักที่สุด คือ ขบวนการอุ้มเรียกค่าไถ่ “เครือข่ายยานรก” ที่ต้องแลกอิสรภาพด้วย “เงินก้อนใหญ่”

พวกนี้จะรวมหัว แตกแถว มี “สายลับ” เป็น “นิ้วเพชร” คอย “ชี้เป้าเหยื่อ” ส่วนใหญ่มีประวัติพัวพันยาเสพติดและไม่คิดแจ้งความเอาผิด

รายไหนขัดขืน “ดื้อแพ่ง” อาจกลายเป็น “ศพนิรนาม” ไร้ญาติ

ทฤษฎี “เสือหิว” ปากร้อง ท้องกิ่วเกิดขึ้นมานานในวงการสีกากี

วันนี้ยังคงมีให้เห็นต่อเนื่อง

อยู่ที่ “เจ้านาย” จะจับได้ ไล่ทันแค่ไหน

บางครั้งคิดจะเฉือน “เนื้อร้าย” กลับกลายเป็นปล่อย “เสือเข้าป่า” ได้เวลาถอดเครื่องแบบหากินเป็น “โจรเต็มตัว”

น่ากลัวครับ

 

RELATED ARTICLES