ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง
หลายคนบอกไว้
แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีอีกหลายมักชอบ “สร้างภาพ” เอาดีใส่ตัวเอง ไม่ใช่สร้างภาพลักษณ์เพื่อองค์กรส่วนรวม
ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าสร้างความเสื่อมเสียเป็น “ปลาเน่า” ทำลายภาพรวมส่วนใหญ่ทั้งหมดละลายหายไปในพริบตา
ทุบแรงศรัทธาที่มีต่อสายตาประชาชน
นับตั้งแต่ “วิกฤติโควิด” กระแสข่าวตำรวจเลือกเดินทางผิดแทบยกโขยง ปมเหตุมาจาก “ปากร้อง ท้องกิ่ว” หรือว่า หิวกระหายโดยสันดาน ประพฤติปฏิบัติกันมานานจนเกิดความเคยชิน ไม่สนโลกที่เปลี่ยนแปลง
ไม่เกรงกลัวสังคมโซเชียลจับเอาไปเล่นบท “ผู้ร้าย” โชว์พฤติกรรมฉาวตามโลกออนไลน์
ขออนุญาตยกตัวอย่างไล่ลำดับความเหม็น
ร้อยตำรวจเอกที่มาจากนายดาบเลื่อนไหลเมาเหล้าเข้าเวรลวนลามอนาจารนักเรียนหญิงบน โรงพักภาคอีสาน
สิบตำรวจเอกจับคู่สิบตำรวจโทรุ่นน้อง ตำรวจตระเวนชายแดน ขับเก๋งรับจ้างขนยาบ้า 780,000 เม็ด
ตามด้วยดาบตำรวจ อีสานเหนือ ถูกจับคาบ้านพร้อมยาบ้า 328 เม็ด
ขณะที่ โรงพักคลองด่าน สมุทรปราการ ตั้งขบวนการ “อิทธิพลมืด” อุ้มรีดตีเงินยาเสพติดสนุกสนานจนเคยตัว ลุกลามไปถึง โรงพักบางพลี จากพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน
ส่วนภาคใต้ไม่น้อยหน้ายกพลอ้าง ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 8 ข่มขู่เรียกเงินพ่อค้าลูกหอยแครงเป็นจำนวนนับล้าน
ล่าสุดและคงไม่สุดท้าย
ตำรวจ โรงพักหนองจอก จังหวัดเพชรบุรี ทำขายหน้าประชาชี “ตรวจฉี่” บังคับแลก “เงินค่าปรับเถื่อน” เป็นข่าวดังว่อนโลกโซเชียล
อีกไม่น้อยยังเพลิดเพลินระเริงมือ ออกสวมวิญญาณ “นักบินขับไล่” อาละวาดแตกแถว จ้องจับกิน “เหยื่อ”กันกระหยิ่มยิ้มย่องลำผองตัว
พอจับได้- ไล่ทัน “ผู้เป็นนาย” ย่อมฟันผิดให้ “พ้นตัว” กลัวข้อหาไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
ว่ากันว่าเป็น “ชีวิตวิถีใหม่” บางจำพวกของกองทัพสีกากี
ในวันที่หิวกระหาย เพราะผู้เป็นนาย (บางคน) อิ่มท้อง-สมองตัน