ยามเมื่อลมพัดหวน

ไม่มีใครรู้เหตุผลกลใดที่ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งลงนามในคำสั่งที่ 219/2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดังเดิม

คืนรัง คืนสิทธินั่งเก้าอี้ “รองแม่ทัพ” ในช่วงสถานการณ์ใกล้ “ไคลแมกซ์” เลือกตัว “พิทักษ์ 1” แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่กำลังเกษียณอายุราชการปลายเดือนกันยายน 2563

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา จะได้กลับ “เข้าซอง” รอสตาร์ตมุ่งเข้าวินได้จริงหรือ

นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ที่เกษียณอายุราชการปี 2565 ได้โผล่กลับมาเป็นตัวเลือกใน “แคนดิเดต” เบียดคู่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 พล.ต.อ.มนุ เมฆหมอก นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 และ พล.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร นักเรียนนายร้อยอบรม อย่างนั้นใช่ไหม

ความจริงผู้สันทัดกรณีที่ไม่ใช่ “กูรูสีกากี” ได้กลิ่นมาก่อนหน้า หลังความเปลี่ยนแปลงจากแรงกระเพื่อมของขั้วอำนาจรัฐบาลบริหารจัดการประเทศ

“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ ได้อำนาจเต็มไม้เต็มมืออีกรอบ ถือเป็นเกมพลิกผันปั่นให้ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำต้องสะบัดปากกาลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 219/2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับไปปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามเดิมได้ไหม

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียวกันนี้แหละที่เซ็นคำสั่งเชือด พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 มกราคม 2563 ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและผู้ร้องเรียนจนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประการอื่นนั้น

ชนวนร้อนมาจาก พิษคลิปสนทนา ทางโทรศัพท์มือถือระหว่าง 2 นายพลตำรวจเอกหลุดกระจายออกสื่อ

กลายเป็นรอยร้าวยากจะประสาน ท่ามกลางความหวาดระแวง “แทงข้างหลัง”

จับสัญญาณของขบวนการ “เลื่อยขาเก้าอี้” แม่ทัพปทุมวัน เหมือนเร่งเวลาให้ลงจาก “หลังเสือ” ก่อนวาระเกษียณอายุราชการไม่กี่เดือน

ครั้งนั้น “นายกตู่” ให้เหตุผลในคำสั่งชัดเจน

“ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มีพฤติการณ์และการกระทำส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”

เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย

เจ้าตัวเงียบหายไปจากสังคมหลบเข้าร่มกาสาวพัสตร์อยู่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือพักใหญ่

กระทั่งทุกอย่างสงบ

จบที่ “ลุงตู่”

“บัดนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวข้างต้นเสร็จสิ้นแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (1) (3) (4) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียนบริหารราชการแผ่นดิน พุทธศักราช 2534 จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 22/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 และให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับไปปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ลบลอยมลทินหวนคืนกลับลู่วิ่งลุ้นปลายยอด

วัดใจ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะเสนอชื่อ “แคนดิเดต” ขึ้นนั่งเก้าอี้ตำแหน่งแทนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาตามขั้นตอนหรือไม่

ตอบได้ตอนนี้ หากไม่มี “อำนาจนอกรั้ว” กดดัน ไม่มีวันที่ “บิ๊กแป๊ะ” จะแปะชื่อรุ่นน้องในรั้วสามพรานคนนี้แน่นอน !!!

RELATED ARTICLES