ภูมิใจในความเป็นตำรวจ

ระบบในองค์กรตำรวจมีส่วน “ฆ่ากำลังพล” ทางอ้อมมาไม่รู้กี่ชีวิต

พิษจากการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ใช่แค่ทำลายขวัญกำลังใจ แต่ลุกลามบานปลายไปถึงครอบครัวลูกเมีย บ้านแตกสาแหรกขาด กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

เพชฌฆาตความเครียดกลายเป็น “ฆาตกรตัวร้าย” ส่งให้หลายคนคิดสั้น-ลาโลกเลือกจบชีวิตด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรมหนีชะตากรรมอันทรมานกับ “เนื้องานผิดฝา” เป็น “ปลาผิดน้ำ” ปรับตัวไม่ได้ แก้ปัญหาไม่เป็น

เซ่นความอำมหิตของผู้เป็นนาย

ขณะที่อีกไม่น้อยโดนอาการป่วยจาก “ความผิดหวัง” รุมเร้ายามร่างกายอ่อนแอ “โรคร้าย” ลุกลามตามขึ้นมาแพร่กระจายทั่วร่าง

รู้ตัวอีกทีเมื่อสาย

นอนรอวันตายอยู่บนเตียงเคียงข้างครอบครัวอย่างเพียงลำพัง

สุขภาพร่างกายถึงเป็นสิ่งสำคัญ ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กำลังใจไม่ให้ “จิตตก” อมทุกข์จนเกิดโรคภัยไข้เจ็บ

วันก่อนได้ฟังเรื่องราวของนายพันตำรวจเอกท่านหนึ่งน่าจะสะท้อนชีวิตจริงตำรวจหลายคนได้บ้าง

พอจบจากรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจลงเป็นรองสารวัตรสอบสวน “หนุ่มไฟแรง”  รับรางวัล พนักงานสอบสวนดีเด่นของนครบาล ได้พิจารณาขั้นถึง 2 ปีซ้อน เพราะงานสำนวนไม่เคยขาดตกบกพร่อง

ผู้ใหญ่เห็นว่าน่าจะไปได้ดีในงานสอบสวน

แต่เจ้าตัวตัดสินใจเลือกไปอยู่งานสืบสวนตามคำชวนของสารวัตรสืบสวนมือดีรุ่นพี่ เนื่องจากเห็นแววในปฏิภาณไหวพริบ สามารถก้าวหน้าในการเป็น “นักสืบ” โดยมีความรู้เรื่องการสอบสวนเป็นเกราะป้องกันความผิดพลาด

เขาทำผลงานได้รับการเสนอขั้นเหมือนเดิม

แถมได้เข้าไปอยู่ในคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญระดับชาติหลายคดี

ชีวิตน่าจะเจริญก้าวหน้าเพราะทำงานอยู่ในสายตาของผู้เป็นนาย

สุดท้ายสะดุดกระท่อนกระแท่นทันทีที่ “เปลี่ยนขั้วอำนาจ” เปลี่ยนวัฒนธรรมการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งเป็นการ “วิ่งเต้น” แข่งขันประจบสอพลอ

จากนักสืบดาวรุ่งดูเหมือนพุ่งแรง โดนรุ่นน้องแซงขึ้นเป็นนายหลายต่อหลายรุ่น

ปัจจุบันดักดานอยู่ในตำแหน่ง “ผู้กำกับฝ่ายอำนวยการ” กับหน้างานที่ไม่ใช่ตัวเขา

นั่งเก้าอี้ผู้กำกับแช่แข็งเกือบ 10 ปี นับถอยหลังรอวันเกษียณอายุราชการอีก 5 ปี บางทีอาจต้องใช้ความอาวุโสตามหลักเกณฑ์ 33 เปอร์เซ็นต์เข็นขึ้น “รองผู้บังคับการ”

เขาได้แต่นั่งทำใจ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

“ห่วงแต่สุขภาพเท่านั้น” พันตำรวจเอกรุ่นใหญ่พึมพำ หลังทราบข่าวรุ่นพี่รุ่นน้องเครียดไม่ได้เลื่อนตำแหน่งจนป่วยหนักถึงขั้นตายไปหลายคน

เขาพยายามรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย กินยาหาหมอตรวจอยู่เป็นประจำ

ทว่าระยะหลังประสบปัญหาเจอ ผู้เป็นนาย (บางคน) ไม่สนโลก

“หมอนัดตรวจความดันก็ไม่ได้ไป เพราะนายเรียกใช้แบบไม่ฟังเหตุผล ปฏิเสธไม่ได้” เขาระบาย “ทำไปทำมาก็ไม่ได้ไปตามนัด ไม่ได้กินยา อาศัยรักษาตัวเอง คือ ทำตัวไม่ให้เครียด”

มันอาจเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับใครหลายคน

อดีตนายตำรวจนักสืบคนนี้กลับยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต

“ผ่านคดีสำคัญมาเยอะแยะ ตามจับมือปืนยันผู้บงการพยานหลักฐานแน่นหนา เก็บกวาดคดียาเสพติดติดอันดับต้นของหน่วย พิชิตคนร้ายสารพัดแก๊ง แฟ้มผลงานยาวเหยียด ถึงผู้ใหญ่อาจไม่เห็นค่า ก็ไม่เป็นไร” ผู้กำกับว่า

“แต่ผมก็ภูมิใจในความเป็นตำรวจ เป็นความภาคภูมิใจในความเป็นนักสืบที่สามารถเก็บไปเล่าให้ลูกหลานฟังช่วงวัยเกษียณอายุราชการ”

และเป็นบันทึกเกียรติประวัติประดับหนังสือที่ระลึกงานศพตัวเอง

         

 

RELATED ARTICLES