ค่าน้ำตาชั้นผู้น้อย

ฤาจะกลับมาประจานกระบวนการ “ยุติ-ธรรม”อีกอย่างนั้นหรือ

ในทันทีที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย กับพวก ได้รับคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง

แม้ยังมีชนักติดหลัง ต้องมลทินคดีอาญาติดตัว

จากวีรกรรมโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ของลูกน้อง 224 นายมูลค่า 229 ล้านบาทหายไปนั่งเก้าอี้ตัวใหม่ตำแหน่งใหญ่กว่าเก่าในสำนักงานกำลังพลเมื่อปี 2560

ทิ้งลูกน้องและครอบครัวเป็นหนี้ท่วมหัว

สุดท้ายโดนดำเนินคดีข้อห้า “ฉ้อโกงประชาชน”

ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ

สร้างตำนาน “ความอัปยศ” ส่งตำรวจชั้นผู้น้อยและครอบครัวเผชิญชะตากรรม บางรายเครียดจนโรครุมเร้าจบชีวิต

พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39  ไม่เคยปริปากระบายความในใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชน ไม่เคยบอกเหตุผลทำไมต้องนำเงินทองของลูกน้องมากมายมหาศาลไปทำธุรกิจต่อยอดออกดอกผลกำไรกับใครหรือไม่

สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยกลายเป็น “เหยื่อของผู้เป็นนาย” ทำลายทั้งชีวิต

แล้วเรื่องราวก็เงียบหายไปเข้ากลีบเมฆ

ก่อนมีพวก “ระฆังช่วย” สะท้อนความห่วยของระบบราวจะจบแบบ “มวยล้มต้มคนดู”

ร.ต.อ.ยิ่งยศ จูมจะนะ อายุ 39 ปี รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเอราวัณ จังหวัดเลย กับเหยื่อีก 2 คนเคยระบายความรู้สึกผ่านสื่อเมื่อต้นปี 2563  เหตุระยะเวลาผ่าน 2 ปี ไม่มีความคืบหน้า

เงินไม่ได้คืนสักบาทเดียว

พอรวมตัวกันฟ้องสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยกลับโดน “ไอ้โม่ง”ในเครื่องแบบสีเดียวกันข่มขู่จนหลายคนต้องยอมถอนตัว

ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาพวกเรา เพียงให้คำมั่นสัญญาผ่านไปวัน ๆ และไม่มีอะไรดีขึ้น

พวกเขาอยากให้สังคมรู้ว่า ขนาดตำรวจยังโดนแล้วชาวบ้านจะโดนกันขนาดไหน

ถึงกระนั้น “น้ำตาของชั้นผู้น้อย” คงน้อยค่ากว่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอำนาจ “น้ำลายของชั้นผู้ใหญ่” บางคน

การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช กับพวกกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม อ้างเพราะผลการสอบสวนวินัยไม่แล้วเสร็จในกำหนดตามกรอบเงื่อนไขเวลา

เป็นการ “ประวิงเวลา” ชิงช่องสบโอกาสแต่งองค์ทรงเครื่องกลับรับราชการหรือไม่

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับปากจะเรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบความล่าช้า

“กรณีนี้เป็นเพียงเทคนิคทางกฎหมาย เมื่อเลยกำหนดระยะเวลาก็ต้องให้เขากลับไปทำงานตามเดิม ที่กฎหมายเขียนไว้อย่างนั้นก็เพื่อบีบให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เร็วขึ้น” พล.ต.ท.จารุวัฒน์ยอมรับ

“คดีนี้ตำรวจชั้นประทวนได้รับความเสียหายเยอะมาก ยอมไม่ได้แน่นอน” เจ้าตัวยืนกราน

พาเอา พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 นับถอยหลังวันเกษียณอายุราชการเจอ “หมากกระดานร้อน” ไปด้วย

เที่ยวนี้หวยจะออกที่ใครไม่รู้

อย่าข้าง ๆ คู ๆ ถูไถพลิก “ดำ” ให้เป็น “ขาว”อีกก็แล้วกัน

ปล่อย “น้ำตาชั้นผู้น้อย” ด้อยคุณค่าราคาความเป็นมนุษย์ใช่ไหม

 

 

 

RELATED ARTICLES