“มันคุ้มไหมที่ตั้งด่านตรวจจับรถแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีหมดอายุแล้วปล่อยให้รถติดยาวเหยียด” อดีตนายพลคนหนึ่งเคยให้ข้อคิด
“เมื่อรถติดยาวเหยียด เท่ากับทำคนที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวนกี่ร้อยครอบครัว มีความรู้สึก หรือทัศนคติไม่ดีต่อตำรวจ” เจ้าตัวว่าไว้
สะท้อนความความจริงที่เกิดขึ้นบนถนนหลวง
ชาวบ้านมักประชดประชันแดกดันพวกตำรวจเป็น โจรปล้นกลางแดด ปิดบังสวมโม่งพิถีพิถันในการกวดขันวินัยจราจร
ไม่สนว่า รถราจะติดขัดแค่ไหน
บ้างก็ว่า ตั้งด่านเพื่อ “ทำยอดส่งนาย”
นายหลายคนต่างออกมาปฏิเสธกี่ยุคกี่สมัย ไม่เคยมีนายคนหน้าออกมายอมรับเรื่อง “สั่งทำยอด”
หลายเดือนก่อน พันตำรวจเอกวัยเกษียณคนหนึ่งยังระบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
เขาว่า เมื่อวานเดินทางจากนครสวรรค์มุ่งกลับสู่กรุงเทพฯ ระยะทางแค่สองสามเก้า(239กม.) ถึงที่หมายหกโมงเย็นกว่า ใช้เวลามากเกินเหตุ
วันอาทิตย์รถมากรถติดเขาเข้าใจ
แต่ตัวช่วยที่ไม่จำเป็น ทำให้ให้รถติดมันมี
“ไอ้พวกตัวช่วยนี้แหละ ต้องขอบ่นหน่อย”
อดีตนายตำรวจระบายความอัดอั้น
“เป็นตำรวจเก่าจะคิดเห็นอะไร พยายามเข้าข้างตำรวจด้วยกันอยู่แล้ว ถ้าพฤติกรรมพฤติการณ์ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ตัวช่วยที่ว่า คือ ตำรวจนี่แหละ กลางวันแสกๆบ่ายสองกว่า รถหนาแน่นเต็มถนนตอนเข้าสิงห์บุรี ตำรวจตั้งด่านตรวจสองข้างทางเลย”
ตั้งทำไมเพื่ออะไร มันมีอะไรฉุกเฉินนักหรือ
ตั้งเพื่อเรียกตรวจจับรถที่ผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก
นักสืบเก่าให้ข้อสังเกต
“กล้องตรวจจับความเร็วก็มีแล้ว ใบสั่งก็บริการส่งไปรษณีย์ถึงบ้าน ข้อหาอื่นก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไร
ที่จะต้องมาตั้งด่านเวลากลางวันที่รถหนาแน่น”
ผลคือ รถติดท้ายแถวยาวเป็นกิโล เผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง
เสียเวลาผู้ใช้รถใช้ถนนไปเท่าไหร่
ด่านตรวจตำรวจ เขาเห็นว่า จำเป็นต้องมี แต่ต้องมีกาลเทศะด้วย
“บางทีประชาชนด่าก็มีเหตุผลนะ”
สุดท้ายเขามาติดตรงมอเตอร์เวย์ก่อนถึงกาญจนาภิเษกอีกรอบ คราวนี้ยาวเป็นชั่วโมง อันนี้เขาไม่บ่นอะไร เข้าใจ เพราะทางหลวงแจ้งไว้บนหัวกลางถนนตัวเบ้อเร่อ
ทำสะพานรถติดท้ายแถวยาวห้ากิโล
“เห็นไหมถึงรถติดจะทำให้คนหงุดหงิด แต่ถ้าติดมีเหตุผล คนเข้าใจ“
ทว่า รถติดวันอาทิตย์ เพราะตำรวจตั้งด่านกลางวันแสก ๆ
ตำรวจตั้งด่านทำไม
มันไม่มีเหตุผลและเขาไม่เข้าใจ
ตกกลางดึกอีกด่านตรวจน่ากลัวสำหรับ คนขี้เหล้า ชอบท่องเที่ยวตระเวนราตรี แต่ยังเลือกขับขี่ยวดยานพาหนะกลับบ้าน
ระยะหลังตำรวจกวดขันหนักขึ้น ไม่หวั่นการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“สั่งเป่า พ่นลมหายใจเข้าใส่กระบอกวัดปริมาณแอลกอฮอล์เรียงรายตามถนนใกล้สถานบริการ ขยันทำงานกันตั้งแต่หัวค่ำยันตีสี่
เบี้ยขยันไม่มี แปลกดี เอาใส่ใจความปลอดภัยของประชาชนกันอย่างจริงจัง
คืนหนึ่งห้องขังหน้าจะล้น เงินประกันตัวหน้าจะทำลิ้นชักห้องพัสดุทะลัก
ผลปรากฏว่า “โหรงเหรง” อันด้วยขี้เมาหลายคนเลือกใช้บริการ “ปรับสด” อัตราลดหย่อนผ่อนราคาอยู่ที่การเจรจา
หากเงินไม่พอยังมีรถจักรยานยนต์ค่อยขี่รับส่งไปกดถึงตู้เอทีเอ็ม
อย่าปฏิเสธว่า “มันไม่จริง”
นี่แหละเป็นสิ่งที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัดสินใจ “เซ็ตซีโร่ด่านตรวจ” ให้กลับไปทบทวนกระบวนการทำงานใหม่ ไม่ให้เป็น “ข้อครหา” เรียกรับเงินสินบน “ตบทรัพย์” กันเกลื่อนถนน ทั้งกลางวันกลางคืน
บางทีค่าเครื่องดื่มชูกำลังขวดเดียว ยัง “กล้าไถ”
มันแค่ส่วนน้อยของสันดานตำรวจไทย (บางคน)
ทว่าพาส่วนใหญ่ “เหม็นเน่า” ทั้งองค์กร !!!