เบื้องหลังฉากสยบอันดามัน

 

เป็นอีกแฟ้มคดีที่ต้องใช้เวลาตามแกะรอยกว่าจะได้ “ปลาตัวใหญ่”

เบื้องหลัง “แผนปฏิบัติสยบอันดามัน” กวาดล้างเครือข่ายยานรกข้ามชาติที่พัวพันกลุ่มอิทธิพลภาคใต้ โยงใยไปถึงบ่อนการพนันออนไลน์รายสำคัญ

ต้องชื่นชม พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 คุมทีมงานนักสืบตั้งแต่สมัยตัวเองนั่งเก้าอี้รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามทฤษฎีที่เจ้าตัวมองว่า ถ้าตำรวจยังมาคิดวิธีการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิม จะตามอาชญากรไม่ทัน เพราะฉะนั้นต้องย้อนกลับมาพัฒนาตัวเอง เรียนรู้วิชาชีพตำรวจให้เข้าใจอย่างถ่องแท้

“ตำรวจต้องเก่งกว่าโจร” พ.ต.อ.เชิดพงษ์เชื่อมั่นในมุมมองและประสบการณ์การทำงาน

หลักการของเขาคิดว่า การสืบสวนจับกุมคนร้ายแต่ละคดีไม่ได้จบแล้วแถลงข่าว ต้องไปต่ออย่างมีคุณภาพ ทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นทีมจับ ทีมขยายผล ไม่มีการแบ่งว่า หน่วยงานไหน

เพราะโจร คือ สมบัติส่วนรวมของทุกคน

ต้องลากเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในบั้นปลาย ถึงเรียกได้ว่า เป็นความสำเร็จอย่างแท้จริง

ปฐมบทของภารกิจ “สยบอันดามัน” เริ่มต้นจากสถานีตำรวจภูธรพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จับกุมนายสุวิทย์ นุ่นสงค์ พร้อมพวก ของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 1,199 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ก่อนขยายผลจับผู้ร่วมขบวนอีก 8 คน

ต่อมาวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ทีมสืบสวนสถานีตำรวจภูธรชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช จับผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย นำไปสู่การรวบตัว ส.ต.อ.ปฏิภัทธ์ รักษาชล ตำรวจนอกแถวของสถานีตำรวจภูธรเจาะไอร้อง จังหวัดนราธวาส

Detective Team ในยุค พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ สมัยเป็นผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กลับมา “ฉายแสง” กันอีกครั้ง ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ที่โยกมาเป็นรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8

ตำราเล่มเก่าถูกนำมา “ปัดฝุ่น” ใช้ใหม่ หลังจากรักษาอาการพิษ ผิดฝา ผิดตัว กลายเป็น “ปลาผิดน้ำ” ของยุทธจักรสีกากีเจือจาง ในทันทีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพนักสืบตัวจริง ขึ้นนั่งบัลลังก์บริหารองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เต็มมือ

“การเป็นตำรวจนักสืบเป็นที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง มันอยู่ในจริต มันอยู่ในสันดาน มีสัญชาตญาณของหมาล่าเนื้อ” เป็นประโยคซึมซับที่ฝังอยู่ในวิญญาณของนักสืบอาชีพทุกคน

ผลพวงจากการต่อยอดเครือข่ายยาเสพติดภาคใต้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราชทำให้ทราบเส้นทางการเงินพัวพันเป็นขบวนการเดียวกันเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ของ “แก๊งฟรีดอม” ที่มีเงินหมุนเวียนหลายบัญชีประมาณ 2,000 ล้านบาท

เป็นเหตุผลให้เกิด “ภารกิจลงแขก” แจกจ่ายแฟ้มงานผ่านชุดปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ปูพรมค้น 41 เป้าหมายในพื้นที่

เป้าหลักอยู่ที่บ้านเลขที่ 88 ถนนไทรงาม ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา ของ นายปิติพล เอกอุรุ อายุ 28 ปี และ น.ส.นันท์นภัส เอกอุรุ อายุ 25 ปี ทายาท นายประพร เอกอุรุ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ล่วงลับ

ตำรวจขอศาลออกหมายจับข้อหาความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

จากข้อมูลชุดสืบสวนระบุเป็น “ตัวการสำคัญ” นำเงินจากขบวนการการค้ายานรกของเครือข่ายภาคใต้ไปฟอกเงิน และเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ มีเงินหมุนเวียนพันกว่าล้านบาท

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินลงพื้นที่เปิดแถลงผลงาน “ชิ้นโบแดง” ตามที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อคราวเสร็จสิ้นปฏิบัติการชัตดาวน์ “เสี่ยโป้ โป้อานนท์”

หลังจากนี้จะตรวจสอบกวาดล้างให้หมดทุกเครือข่าย ไม่ใช่แค่เครือข่ายนายเสี่ยโป้  ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายเล็กหรือใหญ่ บนหรือล่าง ต้องดำเนินคดีทั้งหมด”

โปรดติดตามตอนต่อไป

  

RELATED ARTICLES