วาทะของแม่ทัพ

 

ถือโอกาสเยี่ยมเยียนบำรุงขวัญตำรวจไปในคราวเดียวกัน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินลงพื้นที่ภาคใต้ ดูความเรียบร้อยของอาคารกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 หลังใหม่ ตำบลฉลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ก่อนแถลงข่าวถึงฉากปฏิบัติการ “สยบอันดามัน” ผลงานชิ้นโบแดงใน “ภารกิจลงแขก” ขยายเครือข่ายยานรกนำไปสู่ขบวนการฟอกเงินและเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ที่มี ทายาทอดีตนักการเมือง พัวพันอยู่เบื้องหลัง

จากนั้นแวะตรวจแถวกำลังพลจำนวน 109 นายของสถานีตำรวจภูธรสทิงพระ จังหวัดสงขลา มอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจ

แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ วาทะของแม่ทัพ ที่มอบเป็นข้อคิดแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา

เตือนสติตำรวจยุคใหม่ในโลกของโซเชียลมีเดีย

เสมือนดาบสองคม  

“ทำให้การทำงานของเราถูกตรวจสอบทุกวัน ทุกวินาทีมีคนวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจ มีคนใช้ประโยชน์   เราถูกตำหนิติเตียน จริงบ้างไม่จริงบ้าง ดังนั้นการใช้โซเชียลมีเดียต้องหนักแน่น ต้องรู้จักใช้ประโยชน์ขณะเดียวกันก็ต้องรู้ว่าโทษของมัน คือ อะไร ไม่ว่าจะทำงานต้องให้มีความรู้และความมั่นคงในเรื่องของกฎหมาย รวมทั้งในเรื่องของยุทธวิธี” พล.ต.อ.สุวัฒน์ว่า

เจ้าตัวยกตัวอย่างกรณีตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจภูธรจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 นาย เข้าไปจับผู้ต้องหาตามหมายจับ ยืนอ่านหมายให้ผู้ต้องหาฟัง

ผู้ต้องหารายเดียว ตำรวจ 2 คน กลับปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกแทงทั้งคู่

เรื่องที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตอกย้ำว่า “เป็นบทเรียน”

แต่เขาไม่นิ่งนอนใจ มอบหมาย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดหลักสูตรอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ศูนย์ฝึกอบรมยุทธวิธีตำรวจกลาง ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ผู้นำสีกากียืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาจะคำนึกถึงเรื่องกำลังพลเป็นหลัก จะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ถึงกระนั้น การจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร หากคุณภาพชีวิตยังไม่ดีพอ ถึงพยายามปรับปรุงเรื่องสวัสดิการ หลายๆ ที่ได้แนะนำให้แต่ละหน่วยหาพื้นที่ใช้ประโยชน์ในทางการค้านำรายได้เป็นสวัสดิการให้ตำรวจและครอบครัว

ขณะเดียวกัน เตรียมผลักดันให้มีการสร้างแฟลต สร้างอาคารที่พักอาศัยที่ตำรวจสามารถผ่อนเป็นเจ้าของได้ เมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้วจะได้มีบ้านพักอยู่ แม้อาจจะไม่เหมาะกับตำรวจต่างจังหวัด แต่ในกรุงเทพมหานครก็จำเป็น เพราะพื้นที่ภูธร ข้าราชการตำรวจเลือกที่จะมีบ้านของตัวเองตามภูมิลำเนา

เมื่อมีสวัสดิการที่ดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ว่า ก็ต้องมีความรู้ที่ดี ต่อไปทุกสายงานต้องมีการสอบและฝึกฝน อาทิ งานจราจรก็ต้องสอบ สอบไม่ผ่าน 4 ครั้ง ยึดใบขับขี่คืน ยึดใบอนุญาตยึดใบสั่ง สายตรวจต้องผ่านมาตรฐานการสอบทางวิชาการ ผ่านมาตรฐานสุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย ทุกสายงานต้องสอบ

ยุทธวิธีก็ต้องเรียน จับคนร้าย หรือทำอะไรสุ่มเสี่ยง ต้องมีตำรวจคู่บัดดี้ การใช้การเจรจาการพูดสื่อสาร การใช้สัญญาณมือ การใช้อาวุธ การรู้ข้อกฎหมาย เราเป็นตำรวจต้องแม่นยำ” เจ้าตัวถอดเอาประสบการณ์เสี่ยงในอดีตเป็นตำรา

สุดท้าย แม่ทัพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เน้นว่า  ตำรวจต้องครองตน ครองชีวิตให้ได้ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ อย่าให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่ชอบไม่ควร เช่น ยาเสพติด มีข่าวอยู่บ่อย ๆ เรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจปัสสาวะเจอฉี่ม่วงแล้วเข้าเจรจาข้างถนน

“ตำรวจส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนี้ เป็นตำรวจส่วนน้อยที่ทำการลักษณะดังกล่าว ขอให้ดึงกลับเข้ามาให้ถูกทาง ผู้บังคับบัญชาก็ต้องเอาใจใส่ดูแล”

ขอให้เชื่อมั่นผลงานที่เราทำ

คือ ความภูมิใจในความเป็นตำรวจ

RELATED ARTICLES