ไม่มีตำรวจคนไหนอยากไปม็อบนะ

เสียงสะท้อนระบายความอึดอัดมากมายของครอบครัวตำรวจควบคุมฝูงชน

มีอยู่บทความน่าสนใจ

เธอบอกว่า ไม่มีตำรวจคนไหนอยากไปม็อบนะ

ฝากถึงผู้ชุมนุมว่า สรุปคนที่คุณมองเป็นศัตรู คือ ตำรวจสินะ

หากยังแยกแยะไม่ออกว่าที่ตำรวจทำ มันคือ การปฏิบัติหน้าที่ มันคือ คำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่แบบชอบด้วยกฎหมาย และเป็นไปตามอำนาจที่มันถูกต้อง

“คุณก็อย่าพูดว่าคุณจะปฏิรูปประเทศเลยค่ะ คุณเข้าใจคำว่า หน้าที่มากน้อยแค่ไหน ไอ้พฤติกรรมยั่วยุ ที่คุณบอกว่าชุมนุมโดยสันติมันเรียกสันติแล้วเหรอ”

สาดสีใส่

โปรยอาหารหมา

ทำลายข้าวของทรัพย์สินของทางราชการ

เยี่ยวใส่ตำรวจ

นี่หรือคือพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่จะมาผลักดันและเปลี่ยนแปลงประเทศ

“ไม่ได้อยากไปค่ะ ครอบครัวตำรวจก็ไม่มีใครยินดีที่จะให้ตำรวจไป แต่ด้วยภาระ ด้วยหน้าที่ มันจำเป็นต้องมายืนตรงนี้ ไม่ว่าจะม็อบปีไหน พ.ศ. อะไร เหลือง แดง ตำรวจก็คือ ตำรวจ เลือกข้างไม่ได้ ต้องยืนตรงกลางระหว่างความขัดแย้ง”

ไอ้คำที่บอกว่า ลาออกแล้วมายืนข้างประชาชนสิ ไปเป็นขี้ข้าทำไม

คิดกันได้แค่นี้เหรอ

ถ้าคุณมีงานทำ มีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู มีลูก คุณจะลาออกเพื่อมาร่วมม็อบไหม

“ตัวคุณเองคุณเสียสละแค่ไหน ที่คุณจะมาสั่งคนอื่นว่าเขาควรลาออก หากทุกฝ่ายต่างก็ยืนในพื้นที่ของตัวเองไม่ล้ำเส้น ไม่มีใครไปทำอะไรคุณหรอกค่ะ”

ความรู้สึกพวกคุณบางคนที่มองตำรวจ  คุณอาจจะมองว่า เขาเป็น “หมารับใช้” เป็น “ขี้ข้า” เพราะคุณมองเขาด้วยความเกลียด

แต่สิ่งที่ครอบครัวตำรวจมอง คือ แค่ภาวนาให้เขาปลอดภัย ในหนึ่งวันของภารกิจตำรวจที่ สภ. สน. และพื้นที่ต่าง ๆ  ก็หนักหนาแล้ว ช่วงนี้ห้ามลา เพราะต้อง Standby รอสับเปลี่ยนกำลังพล

เราเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ แต่ที่เราไม่เข้าร่วมการชุมนุม เพราะเรามองว่าการกระทำพวกคุณ มันเริ่มออกทะเลแล้ว มันเกินขอบเขตสันติและเสรีภาพแล้ว

“การกระทำด้วยความเกลียดชังต่อตำรวจและองค์กรตำรวจ ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปหรอกค่ะ ไม่เปลี่ยนเลยซักนิด คนที่เป็นตัวต้นเหตุแห่งปัญหา ยังกินข้าวอิ่ม มีเงินใช้ และยังนอนหลับในสภาแบบสบายใจอยู่”

คุณมีอุดมการณ์ของคุณคุณก็ทำไป คุณมีสิทธิเต็มที่ในฐานะที่คุณเป็นประชาชน แต่อย่าลืมว่าคุณเองควรเคารพคนอื่นเช่นกัน

ตำรวจที่ยืนตรงหน้าคุณ ไม่น่ากลัวเท่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่โหยหาความรุนแรง

เพราะเขาคือ บุคคลที่จะได้ประโยชน์หากเกิดความรุนแรงขึ้น ม็อบไหน ๆ ก็มักจะมี “มือที่สาม” เข้ามาสร้างสถานการณ์เสมอ และผลที่ได้คือตำรวจและประชาชนต้องเสียชีวิตมากมาย

ทุกคนอยากกลับบ้านค่ะ อยากกลับมาทำงานในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ใช่นอนที่วัดกินข้าวกล่องที่บางวันก็เกือบบูด บางคนลูกยังเล็ก บางคนแม่ป่วยแต่ลาไม่ได้”

ไม่มีใครอยากมาอยู่ตรงนั้นเลย แต่เพราะหน้าที่ มันคือหน้าที่ หากลดอคติ มองความจริงซักนิดแล้วดูว่าอะไร คือ ต้นเหตุที่ทำให้รุนแรง ทำให้เกิดการปะทะแล้วจะเข้าใจ

สุดท้ายแล้วความเกลียดชัง ความรุนแรง เสียงก่นด่าและประณามหยามเหยียด ก็มีแค่ตำรวจชั้นผู้น้อยเท่านั้นที่มารองรับสิ่งเหล่านี้

โดนกระทำทั้งจากประชาชน ทั้งจากผู้บังคับบัญชา ความจริงในองค์กรที่ไม่มีใครเข้าใจ

“ก็ยังย้ำคำเดิมนะว่า ไม่ได้อยากจะมา หากเลือกได้ ขอปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของตัวเองดีกว่ามายืนเป็นถังขยะ”

เอาเข้าจริงมันเหนื่อย แต่ทำได้แค่ถือโล่และยืนปฏิบัติหน้าที่ เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

RELATED ARTICLES