ผบ.ตร.แถลงผลปฏิบัติข้ามฟ้าล่า App เงินกู้

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันแถลงยุทธการ “ข้ามฟ้าล่า App เงินกู้”บุกทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ หนีขึ้นดอยตั้งฐานทวงหนี้ริมตะเข็บชายแดน

เบื้องหลังปฏิบัติการ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ มอบหมาย พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ   เร่งดำเนินการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างเป็นรูปธรรม พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบในปัจจุบัน เปลี่ยนจากแก๊งหมวกกันน็อก หรือกู้ยืมเงินโดยยึดโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน เปลี่ยนเป็นการกระทำความผิดทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้สามารถเข้าถึงคนจำนวนมาก มีนายทุนชาวต่างชาติเข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย ในลักษณะขบวนการ สร้างความสูญเสียให้กับระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

การแกะรอยสืบสวนยังพบว่า กลุ่มคนร้ายย้ายที่ตั้งไปอยู่ตามแนวชายแดนรวมตัวเปิดบริษัททวงหนี้ในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์ ใช้พนักงานจำนวนมากโทรศัพท์ทวงหนี้จากบ้านให้ตรวจพบได้ยาก พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน สืบสวนติดตามอย่างใกล้ชิด กระทั่งพบแอปพลิเคชั่น “Consumer Finance”​ และ“Mini Loan”​ ดำเนินงานโดย บริษัท ไทย วาลี จำกัด มีการประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และมีการทวงหนี้โผิดกฎหมาย หลบมาเช่าบ้านพักเป็นฐานสำหรับติดตามทวงถามหนี้และยังใช้เป็นที่พักพนักงาน อยู่ที่ หมู่ที่ 19 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ส่วนตัวนายทุนแยกไปสั่งการอยู่บนดอยแม่สลอง ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย  พื้นที่รอยต่อตะเข็บชายแดนเพื่อสะดวกต่อการหลบหนีและยากต่อการติดตามจับกุม

อย่างไรก็ตาม กำลังของศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ  สนธิกำลังกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน 12 กองกำกับการ 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง  และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย นำหมายของศาลจังหวัดเชียงราย เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 แห่งจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน

ประกอบด้วย นาย อนุวัตร หรือไทยฝา กังสดาลบรรพต ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท น.ส. สุภาวรรณ กังสดาลบรรพต ทำหน้าที่ควบคุมพนักงานทวงหนี้ น.ส. ปิยฉัตร นภาพันธ์ ทำหน้าที่อนุมัติสินเชื่อ นายภัทรณิชา โพธิกุล ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคล พร้อม พนักงานทวงหนี้ของบริษัทที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีก 6 คน ยึดของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 19 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 50 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 7เล่ม แฟ้มประวัติพนักงาน 3 แฟ้ม เอกสารแนะนำทวงหนี้ 3 ชุด เอกสารที่เกี่ยวข้องอีก 1 ลัง แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมด ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันกระทำการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ การใช้ความรุนแรงหรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น

พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ขณะนี้อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 60 บัญชี พบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 200 ล้านบาท และสามารถสืบสวนจนทราบรายชื่อพนักงานทวงหนี้ WORK FROM HOME    หมดทุกคนแล้ว อยู่ระหว่างขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องต่อไป  “ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบจะรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง และติดตามผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดได้ และขยายผลดำเนินคดีกับนายทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกราย ขอเตือนไปยังบุคคลบางกลุ่มที่ยังมีพฤติการณ์ที่ชอบเอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน ประกอบกิจการหรือมีพฤติกรรมเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยโหด ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ คุกคามชาวบ้าน ให้หยุดการกระทำเสีย ตำรวจจะเอาจริงแบบถอนรากถอนโคน ดำเนินคดีทุกข้อหาความผิดอย่างเฉียบขาด และไม่ยอมให้มีการเอาเปรียบซ้ำเติมประชาชนเป็นอันขาด” พล.ต.อ.ปิยะกล่าว

RELATED ARTICLES