“ผมถือว่า ไม่ได้เก่งอะไร แต่อาศัยความขยัน”

 

ลูกชายนายทหารเรือ ส่วนแม่เป็นพยาบาล เกิดโรงพยาบาลศิริราช ติดสอยห้อยตามผู้พ่อไปอยู่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตอนวัยประถม

ทำให้ พล...นันทชาติ ศุภมงคล อดีตรองผู้บัญชาการศึกษา จบประถมต้นโรงเรียนดาราสมุทร ก่อนคืนสู่เมืองหลวงไปต่อโรงเรียนบูรณวิทย์ ก่อนกลายเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

ชีวิตเคยวาดฝันอยากเป็นเกษตรกร ทำเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ตามไร่นา  ทว่าชีวิตพลิกพันเพราะพี่ชายเป็นทหารบก ประกอบกับปู่ทวดกับพ่อเป็นทหารเรือ พูดคุยจนคล้อยตาม แต่สอบเข้าเตรียมทหารปีแรกพลาด ด้วยความเกเร ไม่สนใจเรียน ปีถัดมาตั้งใจจริงจังไม่อย่างนั้นคงลำบาก แก้ตัวใหม่ก้าวเข้าสู่รั้วสามพรานที่เปิดรับบุคคลภายนอกสำเร็จเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36

“ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบตำรวจเหมือนคนทั่วไปที่ด่าตำรวจมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ เอาเข้าจริงพอมาอยู่ตรงนี้ คิดว่า ตำรวจเป็นอาชีพที่น่าสงสาร เท่ มีเครื่องแบบ ดูมีหน้ามีตาในสังคม แต่ชีวิตส่วนตัวแทบไม่มีความสุข  กลับมาบ้านก็เหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง เวลามีอะไรข่าวตำรวจทำไม่ดี เรามักจะโดนเหมารวม เพราะมันเป็นองค์กรเรา อยู่นาน ๆ ผมจะรู้สึกมีความรักในองค์กร ไม่อยากให้ใครมาว่า และพยายามที่จะสร้างชื่อเสียงขององค์กร ทำอะไรให้กับประชาชน  ดูแลคนที่ตกทุกข์ได้ยาก นี่คือ สิ่งที่ตั้งใจทำตั้งแต่เรียนจบมาแล้ว” พล.ต.ต.นันทชาติรำพันอดีต

เขาประเดิมชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองขอนแก่น ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน ใช้เวลาว่างด้วยการเลี้ยงหมูคอกแรกได้เงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ขี่ คอกต่อมาเป็นหนี้ สุดท้ายต้องขายมอเตอร์ไซค์ ถึงกระนั้นยังรักงานสอบสวนและไปทำงานมวลชนพบปะชาวบ้าน ตั้งทีมลูกน้องไปให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย การมาแจ้งความต้องทำอะไร ปลูกฝังวินัยจราจร ได้แนวร่วมนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นมาช่วยอีกแรง

หลังจากนั้นย้ายไปอยู่โรงพักบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น ไกลปืนเที่ยง ไล่จับพวกรถถ่าน สมัยนั้นเป็นของป่าถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่นานโยกเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเพชรบุรี ที่กำลังเต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพล ฝ่ายป้องกันปราบปรามไม่มีพวกจบนักเรียนนายร้อยคุม สารวัตรใหญ่ขอตัวไปให้ไปช่วย นายตำรวจหนุ่มน้อยศิษย์เก่าชาวชมพูฟ้าลังเลใจ เพราะไม่อยากทิ้งงานสอบสวน ขออนุญาตไปช่วยตอนว่าง นำทีมขี่มอเตอร์ไซค์สายตรวจแบบถึงลูกถึงคน

พล.ต.ต.นันทชาติเล่าว่า พอเริ่มเบื่องานสอบสวนอยากหันไปทำงานสืบสวน เป็นจังหวะสถานีตำรวจภูธรตำบลประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี มีตำแหน่งว่าง ผู้หลักผู้ใหญ่เมตตาให้ ปรากฏว่า ไม่ใช่อาชีพในฝัน ต้องไปไล่จับผู้หญิงหากิน รู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความเป็นเด็ก ผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำ ดีที่มีคดีพวกยาเสพติด และวิ่งราวทรัพย์ จับได้คาหนังคาเขาพร้อมของกลาง ผู้เสียหายยังมานั่งร้องไห้บนโรงพัก ตำรวจได้ตัวแล้ว

เจ้าตัวยอมรับว่า อยู่ที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักสืบแบบหลายๆ คน ที่มีครูสอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครบาล นักสืบเก่งๆ รุ่นไล่เรี่ยกันจะมีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นต้นแบบ สำหรับเราไม่มี ต้องเรียนรู้เองจากเป็นนายดาบ พยายามครูพักลักจำ ดูจากคนอื่นทำบ้าง เรียนรู้กันไป  “ผมถือว่า ไม่ได้เก่งอะไร แต่อาศัยความขยัน ออกตรวจทุกวัน ทุ่มสองทุ่มก็ออกไปแล้ว ตระเวนไปอยู่ในพื้นที่ อย่างน้อยถ้ามีเหตุอะไร เราถึงก่อน  ไม่ถือว่า สืบสวนอย่างเดียว เป็นสายตรวจนอกเครื่องแบบไปด้วย”

ขยับขึ้นสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี คืนกลับมารับหน้าที่ทำสำนวนอีกครั้งนาน 9 ปีจนได้ขึ้นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนที่โรงพักคลองหลวง เต็มไปด้วยคดีมากมาย เนื่องจากเมืองกำลังขยาย มีทั้งตลาดไท นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ก่อนย้ายเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี

จากนั้น พล.ต.ท.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไว้วางใจให้เลื่อนเป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 รับหน้างานสืบสวนเต็มตัว เข้าไปแก้ปัญหาภายใน ล้างระบบเก่าเกี่ยวกับความขัดแย้ง เขาสารภาพว่า ไม่ได้มีชื่อชั้นในงานสืบสวน โชคดีที่มีรองผู้กำกับการสืบสวนเก่งหลายคน รวมถึงสารวัตรชำนาญพื้นที่ พยายามแบ่งงาน และใช้ความพยายามเฉลี่ยความสุขในหน่วย ทุบห้องเอามารวมกันเป็นห้องทำงานใหญ่ ใครทำอะไรต้องเห็นหน้ากันหมด ไม่เช่นนั้นจะเกิดความรู้สึกว่า แตกแยกกันออกไป ไม่เหมือนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต้องทำงานด้วยกัน

อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 มีโอกาสลงไปไขอุ้มฆ่านายเชิดชัย พิกุลสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัญชี บริษัทน้ำมันเอ็มพี ปิโตรเลียม จำกัด สาขานครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อม นายประหยัด จึงตรงศักดิ์ คนขับรถส่วนตัว ชิงเงินสดไป 57 ล้านบาท นำศพเหยื่อทั้งคู่ไปทิ้งกลางทุ่งนา เขตอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2545 ตามอยู่ประมาณ 1 เดือนจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เหลือเพียง “จ่าบึ๋ง” ส.อ.บุญย์ตรี มุสะกะ มือปืนคนเดียว

“ไม่ง่าย แต่โชคดีมีทำงานเก่ง ท่านอัศวิน ขวัญเมือง เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งกองปราบปรามมาช่วย บอกว่า ถ้ามึงทำได้ กูไม่ยุ่ง แต่ถ้ามึงทำงานไม่ได้ ไม่ไหว บอก ผมก็บอกท่านไปตลอดว่า ไม่เป็นไร ผมทำได้ ตอนนั้น ผมมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ทำงานไปได้สักประมาณ 2 สัปดาห์เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แกะรอยตามไปจับคนร้ายถึงถิ่นกะเหรี่ยง ยังคิดอยู่ว่า ไปทำไม พอกลับมาจะให้ไปอีก ไม่เอาแล้ว   อาจเพราะมีความรู้สึกอยากจะได้ตัวคนร้ายรายนี้จริง ๆ เป็นคดีคลาสสิกมาก ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนเอาเป็นแบบ ให้ผมและทีมงานไปสอน” พล.ต.ต.นันทชาติว่า

สวมบทผู้นำหน่วยนักสืบภูธรอยู่ 2 ปี ย้ายนั่งตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี เขารู้สึกว่า คนละเรื่องกับสมัยคุมทัพนักสืบ โรงพักอยู่บนดินครึ่ง ใต้ดินครึ่ง ฝนตกทีไรน้ำท่วม แต่เสมือนวิกฤติเปลี่ยนเป็นโอกาส ได้รู้จักรุ่นพี่หลายคน พัฒนาโรงพักใหม่ชนิดที่ต้องขายทองเส้นสุดท้ายหมดไป 3 ล้านบาท เจ้าของร้านทองเห็นจึงช่วยกันเรี่ยไรเงินเป็นกองทุนคล้ายกฐิน ผ้าป่า เอามาสร้างโรงพักใหม่  มี พล.ต.ท.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ที่โยกเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางไปเป็นประธานเปิดอาคาร

ขณะเดียวกัน งานสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นทั้งปี 16   คดี ตามจับได้หมด 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลจากการเรียนรู้วิชาสืบสวนตอนเป็นผู้กำกับสืบสวนภาค 1 เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดหาข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวเอง เฝ้าจุดก็ไปด้วยตัวเอง  “ ทุกวันนี้ก็ใช้วิชาการนี้ สอนรุ่นน้อง เหมือนกัน เวลาที่เราจะหาคนร้ายซักคน เราต้องดูโคตรเหง้าศักราช เกิดมาต้องมีพ่อแม่พี่น้อง เข้าโรงเรียน มีประวัติในโรงเรียน มีเพื่อนฝูง พอโตขึ้นมาหน่อยมีบัตรประชาชน มีเอทีเอ็ม มีโทรศัพท์บ้าน มีโทรศัพท์ส่วนตัว มียานพาหนะ เริ่มมีทรัพย์สิน เริ่มมีบัญชีธนาคาร นี่คือ สิ่งที่เราต้องตามจากสิ่งเหล่านี้ เวลาที่มีคดีเกิดขึ้นทุกครั้ง ผมก็จะถามอยู่เสมอว่า เฮ้ย มันทิ้งอะไรไว้บ้าง ต้องดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทิ้งอะไร ลายนิ้วมือ ทิ้งฝ่ามือ ฝ่าเท้า ทิ้งกระสุนปืน ปลอกกระสุน ทิ้งรูปให้เห็น คือ ต้องละเอียด”

พัฒนาโรงพักจนได้รับคำชื่นชม ได้ย้ายคืนถิ่นเดิมเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ทำงานด้านบริหารมากขึ้น ดูเรื่องงบประมาณภายในของหน่วย ก่อนขึ้นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี รับผิดชอบงานสืบสวนของจังหวัด ดูแลคดีสำคัญที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.นันทชาติประทับใจมากที่มีโอกาสคลายปมคดีพยาบาลโดนฆ่าตายในอพาร์ตเมนต์พื้นที่อำเภอคลองหลวง เป็นอีกเคสต้นแบบเรียนรู้ตำรางานสืบสวน

เขาถ่ายทอดเรื่องราวว่า อพาร์ตเมนต์เกิดเหตุเป็นแบบปิด ผู้ที่เข้าออกต้องมีบัตรผ่าน ต้องชื่นชมสารวัตรสืบสวนที่บล็อกสถานที่เกิดเหตุไม่ให้ใครเข้าไปจนกว่ากองพิสูจน์หลักฐานจะเก็บรายละเอียดเสร็จสิ้น สิ่งที่ได้คือ สลิปเอทีเอ็มของผู้ตายพบลายนิ้วมือของคนร้ายที่พักอยู่อีกห้อง เราเอาตัวมาสอบก็ปฏิเสธ อ้างไม่รู้จักผู้ตาย ไม่เคยช่วยถือห้อง ช่วยหยิบอะไร และไม่เคยเข้ามาในห้อง สลิปเอทีเอ็มของผู้ตายไว้ในลิ้นชัก ด้วยความละเอียดของกองพิสูจน์หลักฐานตรงนี้เองที่มัดตัวฆาตกร และที่ยืนยันชัดถัดจากนั้นหลายวัน คือตอนไปค้นห้องคนร้ายเจอจุดหยดเลือดของเหยื่อติดในกระเป๋าคนร้าย คดีนี้ใช้ความยากลำบาก ความมุมานะพยายามอย่างมาก เราจับผู้ต้องหาไม่ได้ ซักถามแล้วก็ต้องปล่อยไปๆ แต่ว่า สิ่งที่ชี้ว่า เป็นคนร้ายแน่ คือ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

คุมงานสืบสวนอยู่จังหวัดปทุมธานีหลายปี วันดีคืนดีเจอมรสุมโดนย้ายเป็นรองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2  เขารับว่า เหมือนหมาตัวหนึ่ง ไม่มีใครสนใจ แต่ไม่เคยถามนายว่า ผิดอะไร ไม่มีใครบอกด้วย ท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา เพื่อนร่วมรุ่นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปลอบใจว่า ผู้ใหญ่เขกหัวก็ให้เขาเขกไป เดี่ยวมีอำนาจแล้วจะเอากลับเอง แต่อยู่ได้เดือนเดียว มีประชุมบริหารครั้งแรก มีคดียิงตำรวจแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นับแต่นั้นไม่ได้ทำงานอำนวยการเลย ได้ไปช่วยสืบสวนคดี แถมเข้าร่วมชุดเฉพาะกิจสืบสวนคดีสำคัญทั่วประเทศ

กระทั่งฟ้าเปิดให้ได้ย้ายกลับมาเป็นรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ช่วยงาน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ เพื่อนร่วมรุ่นที่นั่งคุมทัพ เริ่มเห็นการทำงานของนครบาลที่มีระบบ ไม่สะเปะสะปะเหมือนภูธร  ต้องวางแผน วิเคราะห์ข้อมูล วางกำลัง การเข้าจับกุมคดีสำคัญต้องใช้กำลังหน่วยอรินทราช 26 เพื่อเซฟชีวิตตำรวจ

พอเพื่อนร่วมรุ่นย้าย เขาตัดสินใจขอออกกลับถิ่นภูธรเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท “ยังจำคำพูดของท่านจักรทิพย์ได้เลย ตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว ท่านบอกว่า มึงจะไปอยู่บ้านเขา เขารับเข้าบ้านก็ดีแล้ว มึงจะไปอยู่ห้องนอน หรือห้องอะไร มันเลือกไม่ได้ เขาให้มึงอยู่ห้องน้ำ มึงก็ต้องอยู่ มึงได้อยู่บ้านเขาแล้ว ผมก็ต้องโอเค แต่อยู่ได้ 6 เดือนสมัครลงไปช่วยชุดสืบสวนคดีสำคัญกับท่านสุชาติ ธีระสวัสดิ์ เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”

ต่อมาขึ้นเป็นนายพลตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แบบไม่คิดฝัน เพราะเป็นอะไรค่อนข้างไกลตัว พล.ต.ต.นันทชาติบอกกลัว เพราะไม่ถนัดงานโรงพักในนครบาล กลัวทำได้ไม่ดี กลัวเสียชื่อผู้ใหญ่ที่เมตตาสนับสนุน พอเราไปอยู่จริง ไม่ยากอย่างที่คิด  เพียงแค่ว่า ถ้าเราเข้าใจงาน ขยัน ไม่ทุจริต ข้อกฎหมาย เน้นระเบียบวินัย นครบาลทำงานไม่ยาก

อยู่นครบาล 2 ปี เรียนรู้ประสบการณ์ในบทขุนทัพตำรวจเมืองหลวง ขยับนั่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เที่ยวนี้ไปเหมือนเสือ เป็นหัวหน้าหน่วย มีนายพลคุมจังหวัดคนเดียว  พล.ต.ต.นันทชาติมองว่า สิ่งที่เราต้องทำ คือ ต้องรักษาระยะของเรากับคนบางคน ต้องรักษาฟอร์มของเราว่า เป็นอย่างไร การทำงานต่าง ๆ ต้องพิจารณา อายุราชการเริ่มเหลือน้อย ทำอะไรให้ประชาชนได้ ให้รีบทำ ทำอะไรให้ตำรวจได้ ต้องรีบทำ ถึงเปิดร้านตัดผมในชื่อ ศุภมงคลบาร์เบอร์ บริการตัดผมฟรีให้ลูกน้อง วันเดของตำรวจทุกคนจะมีการ์ดอวยพรให้ คนในสำนักงานหรืออยู่ใกล้ ๆ จะมีเค้กเป็นของขวัญกำลังใจ ไปตรวจด่านวันนั้น มีใครวันเกิด เรามีเค้กให้

“สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องจรรโลงจิตใจ ทำให้คนเรามีความสุข บางคนผมเรียกมา ตัวเขาก็งงมาก เรียกมาทำไม ตกใจผู้การเรียก ผมบอกว่า ไม่มีอะไร เพราะเห็นเป็นวันเกิด แล้วก็เรียกรองผู้การ ใครต่อใครมา ให้ร้องเพลงเบิร์ธเดย์ให้ อวยพรให้ แค่นี้ตัวเขาก็มีความสุขในแบบที่ไม่เคยมี ไม่เคยเจอ  ผมคิดว่า ตรงนี้มันเป็นเรื่องขวัญกำลังใจให้ลูกน้องจริง ๆ”

ส่วนการทำงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรียังยกตัวอย่างคดียิง 2 ศพบริเวณลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญสะเทือนใจสังคมเป็นอย่างมากว่า เป็นสิ่งที่คนพูดกันเยอะ นักข่าวถามเหมือนกันว่า คนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพล มีเงินเยอะ แต่เราบอกเลยว่า เงินซื้อตำรวจชลบุรีไม่ได้ ต่อให้มีอิทธิพลขนาดไหน ยิ่งใหญ่ขนาดไหนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หนีได้หนีไป หนีให้สุดล่าฟ้าเขียว เราจะตามมาให้ได้ แล้วก็ตามจับได้ถึงกัมพูชาเกือบชายแดนเวียดนาม แต่เรื่องนี้ต้องให้เครดิตท่านสุชาติ ธีระสวัสดิ์ด้วย

ปีสุดท้ายในชีวิตราชการกลับต้องย้ายอีกรอบไปไกลเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี อยู่แค่ 6 เดือนถูกดันขึ้นรองผู้บัญชาการศึกษา แต่ได้ไปช่วยราชการตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เตรียมตัวปลดระวาง ลดบทบาทอำนาจหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบน้อยลง พอถึงวันที่เกษียณจะไม่ค่อยรู้สึกว่า ลูกน้องและบริวารข้างกายเริ่มหายไป

อย่างไรก็ตาม ชีวิตหลังถอดเครื่องแบบสีกากีตำรวจเขากลับได้รับการทาบทามให้เป็นข้าราชการการเมือง เปลี่ยนเครื่องแบบใหม่ในบทประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ช่วยงานนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงงาน นำเอาประสบการณ์งานสืบสวนไปช่วยตามรอยขบวนการค้ามนุษย์จากกลุ่มแรงงานผิดกฎหมาย “ได้ทำงานในอีกหน้าที่ ไม่ใช่คนแก่ที่อยู่บ้าน เลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน ดูทีวี กินข้าว ต้มมาม่า อยู่บ้าน รดน้ำต้นไม้ มีอะไรที่ทำให้กับประเทศชาติได้อีกเยอะ ได้มองภาพกว้างมากขึ้น” ที่ปรึกษารัฐมนตรีแรงงานระบายความคิด

ท้ายสุดเจ้าตัวอยากฝากมุมมองถึงตำรวจนักสืบรุ่นน้องว่า  โชคดีที่ได้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่อ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่เป็นคนมีความรู้ โลกทัศน์กว้าง เก่งในหลายด้าน ผ่านหลักสูตรอบรมของหน่วยเอฟบีไอ  ที่สำคัญ เป็นคนไม่มักมากในลาภผล มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาก เป็นเพื่อนรักคนหนึ่งที่ทำงานด้วยกันมาหลายคดี เพราะฉะนั้นนับเป็นโชคดีของน้องรักสืบรุ่นหลัง  เชื่อว่า อีก 2 ปีหาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ยังคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจจะมีอะไรอีกเยอะ แต่ต้องช่วยกันผลักดันความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นให้ได้

พล.ต.ต.นันทชาติย้ำว่า ตำรวจต้องมองไปข้างหน้า ต้องรับความเป็นจริง ถ้าเรายังทำตัวล้าหลังอยู่ เราจะโดนสังคมก่นด่า ว่ากล่าว แล้วเราจะต้องเป็นแพะในสังคมตลอดเวลา เพราะต้นทุนของสังคมตำรวจน้อย แต่ถามว่า คนโดยทั่วไปถ้าได้รับความเดือนร้อนจะนึกถึงใคร ก็ต้องนึกถึงตำรวจทั้งนั้น  ไปเดินในที่มืดเจอตำรวจจะดีใจ แต่ต่างกันกับขับรถเจอตำรวจตั้งด่าน คนเกลียด เป็นเรื่องของมุมมอง

“ถ้าคุณได้เห็นชีวิตตำรวจจริง ๆ คุณจะเข้าใจเลย ซีโร่ ออร์ ฮีโร่ ไม่ว่าคุณจะเป็นฮีโร่ หรือเป็นศูนย์ มันอยู่นิดเดียวจริง ๆ  ดังนั้นตำรวจเราต้องอดทนสร้างชื่อเสียงให้หน่วย ไม่มีอาชีพไหนทำได้เท่าตำรวจแล้ว จับ ดำเนินคดี ปรับ ปล่อยก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง  แต่เราต้องรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต”  เขาเชื่อว่า ประชาชนหลายๆ คนเข้าใจชีวิตความเป็นตำรวจ ถ้าเราเป็นตำรวจที่ดี เราจะมีคนรัก  ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ความเจริญรุ่งเรืองจะตามมา

นันทชาติ ศุภมงคล !!!

 

RELATED ARTICLES