แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัย “หมอตุ้ม” แพทย์หญิง วิวรรณ นิติวรางกูร ประธานบริษัท รัชวิภา เอ็มอาร์ไอ เซ็นเตอร์ จำกัด ศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยเครื่อง MRI และ CT SCAN คู่ชีวิตของ พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ
เธอเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯมาต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รุ่นเดียวกับสามี
ตั้งแต่เด็กอยากเรียนสายศิลป์ อยากเป็นทูต แต่ด้วยคตินิยมในสมัยนั้นว่า ถ้าเรียนได้คะแนนดีตัองเป็นหมอ ไม่มีการแนะแนวอาชีพอย่างสมัยนี้ ประกอบกับอยากตามใจพ่อแม่ ใช้เวลาเรียนแพทย์ 6 ปี แล้วมาเป็นแพทย์ฝึกหัด (อินเทิร์น) ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ 1 ปี และใช้ทุนที่ภาควิชาสรีรวิทยา วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎเกล้าอีก 2 ปี รวมระยะเวลา 9 ปี เธอเล่าว่า พอใช้ทุนครบตัดสินใจไปเรียนต่อสาขาแพทย์เฉพาะทางด้านรังสีวินิจฉัยที่คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี เรียนอีก 3 ปี รวมทั้งสิ้น 12 ปี ในการศึกษาเล่าเรียน ส่วนคุณหมอวิฑูรย์ไปศึกษาด้านศัลยกรรมตกแต่งที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หมอตุ้มรับราชการสังกัดกรมแพทย์ทหารบก กองทัพบก เรื่อยมาในกองรังสีวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ต่อมาได้ลาออกจากชีวิตราชการทหารในขณะติดยศว่าที่พันตรี ด้วยเหตุผลคือต้องจัดสรร”เวลา”ให้กับครอบครัว
แพทย์หญิงทหารโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตกลงปลงใจควงแขนหมอวิฑูรย์แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนร่วมชั้นเรียนแพทย์ เข้าประตูวิวาห์ มีบุตรธิดาสองคน ได้แก่ “หมอคิด” ดั่งดำริ นิติวรางกูร และ “ต้นข้าว”กุลนิษฐ์ นิติวรางกูร
“ในช่วงนั้นเพิ่งสร้างครอบครัว รับราชการทั้งสองคน ตกเย็นต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปลูกจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่เลยเพราะต่างคนต่างต้องทำงาน จริงอยู่ที่เงินเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างหลักประกันให้ครอบครัว แต่สำคัญกว่าเงินคือ เวลา ที่ผ่านไปเราจะเอากลับคืนมาไม่ได้อีกแล้ว” อดีตหมอพระมงกุฎเกล้าให้เหตุผล“ถ้าเป็นข้าราชการทั้งสองคนก็จะไม่มีใครเลี้ยงลูกเลย พอตกเย็นเราก็ต้องไปทำเอกชนอีกเลยคิดว่า คงต้องออกจากราชการ อย่างน้อยทำงานเอกชนช่วงกลางวัน ยังมีแม่คนหนึ่งรับส่งลูกได้สอนและใกล้ชิดลูก”
ต่อมาได้ปฏิบัติงานเป็นรังสีแพทย์ที่โรงพยาบาลรามคำแหงมาโดยตลอด ด้วยเล็งเห็นถึงประโยชน์ของเครื่องมือด้านรังสีวินิจฉัยและเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการบริการด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีสูงได้โดยง่ายขึ้น จึงตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท รัชวิภา เอ็มอาร์ไอ เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท รัชวิภาพลัส จำกัด นั่งแท่นบริหารเอง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านรังสีวิทยามากว่า 20 ปี
รัชวิภา เอ็มอาร์ไอ เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์วินิจฉัยโรคที่มุ่งเน้นการวินิจฉัยโรคด้วยเครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) และ CT SCAN ก่อตั้งเมื่อปี 2550 โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ศูนย์การแพทย์แห่งนี้แพทย์หญิงนักบริหารหมายมั่นให้เป็นผู้นำด้าน”คุณภาพ”และเป็นศูนย์ชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งต่อมาได้การรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และยังได้ผ่านการรับรองมาตราฐานของ Joint Commission International (JCI) เป็นองค์กรรับรองมาตรฐานสถานพยาบาลที่ยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รัชวิภาเอ็มอาร์ไอเซ็นเตอร์จึงเป็นศูนย์ MRI แห่งแรกในเอเชียอาคเนย์ที่ได้รับการรองรับมาตรฐาน JCI ดังกล่าว
ส่วนฉากชีวิตความรักกับแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ผู้เป็นสามี หมอตุ้มเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนแพทย์ด้วยกันว่าเป็นเพราะนิสัยเหมือนกัน ชอบดนตรี เขาไม่ใช่เป็นนักศึกษาแพทย์ที่คร่ำเคร่ง มุ่งแต่กับตำราอย่างเดียว ยังชอบทำกิจกรรม เป็นนักดนตรีวงชั้นปี เป็นนักบาสเกตบอลของคณะ ที่สำคัญคอยให้คำปรึกษาได้ในทุกเรื่อง เป็นติวเตอร์ส่วนตัวที่เก่ง ติวจนทำให้เราได้เกียรตินิยมด้วย จากเพื่อนจึงขยับพัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟนแล้วลงเอยด้วยการแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกัน
“เราทั้งคู่ถือว่าแต่งงานเร็วนะ พอเรียนจบ เป็นแพทย์ฝึกหัดครบ 1ปีก็แต่งงาน ถามว่า ชีวิตหมอหนักไหม คำตอบคือหนักตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์แล้ว เพราะภาระงานทำให้ต้องรับผิดชอบสูง ถ้าพลาดหมายถึงชีวิตคน ๆ หนึ่งกระบวนการศึกษาของเราทำให้ต้องหาสาเหตุและแก้ไขให้ได้ และต้องทำให้ดีที่สุดด้วย เราทั้งสองคนต่างก็เป็นหมอ ต่างคนต่างไม่มีเวลาแม้มีภาระงานที่หนักหนา แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเราเป็นทั้งเพื่อน คนรัก และคู่ชีวิตกัน เราเติบโตมาด้วยกันยิ่งเป็นคนอาชีพเดียวกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันแล้ว และเมื่อมั่นใจว่าครอบครัวมั่นคงและเป็นสุข เมื่อไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง การทำงานย่อมสำเร็จลุล่วงได้ไม่ยาก ครอบครัวจะมั่นคงต้องอาศัยความรักความเข้าใจ เวลาที่ได้อยู่ร่วมกันจึงสำคัญและมีค่ามาก”
คู่ชีวิตนายพลแพทย์ตำรวจย้ำว่า การใช้ชีวิตครอบครัว ยิ่งภาระงานหนัก ความรับผิดชอบก็สูง แต่คุณหมอวิฑูรย์เป็นคนรักครอบครัว เป็นคนดี ได้เห็นนิสัยใจคอ เห็นพัฒนาการ การเติบโตของจิตใจและความสามารถ ซึ่งไม่ได้มาชมกันเอง แต่พูดจากการเป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพ พูดจากมุมมองอย่างคนภายนอก เห็นว่า คุณหมอวิฑูรย์เป็นคนเก่ง เป็นนักบริหารมืออาชีพ มองภาพชัด และคิดครอบคลุม
“ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้คิดเพื่อตัวเอง แต่คิดเพื่อส่วนร่วม เพื่อบ้านเมือง เป็นเรื่องน่าชื่นชม มีความเป็นผู้นำที่ดี สามารถที่จะมองภาพขององค์กรตลอดจนระบบงานได้แบบองค์รวม จับภาพได้เร็ว ไม่ห่วงด้านภาระงานเพราะมั่นใจในความสามารถและความเข้าใจในเนื้องานเป็นอย่างดี เป็นห่วงแต่ด้านสุขภาพ เพราะตั้งแต่เป็นแพทย์ใหญ่ตั้งใจและลุยงานมาก แต่ภูมิใจในคุณหมอวิฑูรย์มากค่ะ” แพทย์หญิงวิวรรณกล่าว