“จิตวิญญาณของความเป็นตำรวจสำคัญมาก ถ้ามีก็เสียสละอะไรได้เยอะ”

ทายาทอดีตหัวหน้ากลุ่มเสรีไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  พล.ต.อ.สมชาย มิลินทางกูร ต้องย้ายตามบิดาไปอยู่จังหวัดต่าง ๆ หลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นกาญจนบุรี ชัยนาท ชลบุรี กว่าจะเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท

ใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบมัธยมเลยตัดสินสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจคนเดียวของห้อง เพราะเพื่อนคนอื่นเลือกจะเรียนต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือไม่ก็มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

จบนายร้อยตำรวจรุ่น 16 มีเพื่อนร่วมรุ่นคนดังในวงการสีกากีมากมาย อาทิ พล.ต.อ.อัยยรัช เวสสะโกศล พล.ต.อ.สมชาย วาณิชเสนี พล.ต.อ.เขตต์ นิ่มสมบุญ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ พล.ต.ท.ทวี ทิพย์รัตน์ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ และพล.ต.ต.พีระพล สุนทรเกตุ เป็นต้น

บรรจุครั้งแรกตำแหน่ง ผู้บังคับหมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองปราจีนบุรี แล้วย้ายเป็นผู้บังคับหมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.ต.สงวน จิตตาลาน ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ขึ้นสารวัตรสืบสวน กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลธนบุรี สารวัตรแผนก 2 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลพระนครใต้ และสารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน

เป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ขยับขึ้นรองผู้กำกับการตำรวจนครบาล 1 นานเพียง 3 ปี เลื่อนชั้นเป็นผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจรถไฟ แค่ปีเดียวได้ขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ต่อมาเป็นผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

ปี 2537 ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด คนที่ 2 ของหน่วยต่อจาก พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ หลังจากนั้นขยับเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทั่งเกษียณอายุราชการในปี 2543

นายพลตำรวจมากประสบการณ์เริ่มต้นวิชาสืบสวนแกะรอยคนร้ายตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยมาใหม่ ๆ ตอนไปอยู่ที่ปราจีนบุรี ด้วยการนำนิติวิทยาศาสตร์ไปใช้ประกอบการจับกุมผู้กระทำความผิด   เขาเล่าว่า  เวลามีคดีจะใช้วิทยาศาสตร์ การพิสูจน์หลักฐานสมัยเรียนมาจากโรงเรียนนายร้อยช่วยคลี่คลายปมคดี เก็บหลักฐานเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเส้นผม เส้นขน รอยเลือด รอยเท้า ลายนิ้วมือ เพราะถ้ารอกองพิสูจน์หลักฐานจากกรุงเทพฯเดินทางมาคงไม่ไหว

“ผมไม่เคยทิ้งตรงนี้เลย มันสำคัญมาก สามารถใช้เป็นหลักฐานมัดผู้ต้องหาสู่การพิพากษาตัดสินคดีได้หลายคดี บางคนจะเข้าใจผิดว่า ตำรวจไม่ได้ใช้วิชาตรงนี้เลย แต่สำหรับผม ทำมาตลอด ใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์จับกุมคนร้าย และความรู้ตรงนี้ยังสามารถนำมาใช้ตอนอยู่กองสืบสวน หรืออยู่หน่วยอื่น ๆ ในเวลาต่อมา”

อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า เป็นคนที่สนุกกับงาน ไม่ว่าอยู่หน่วยไหนก็จะติดพัฒนาหน่วย สร้างคน ให้ความรู้แนะนำลูกน้องตามประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มา อย่างตอนเป็นสารวัตรใหญ่โรงพักคลองตัน มีคดีน่าสนใจเกี่ยวกับคนร้ายตระเวนจี้ชิงทรัพย์ร้านเสริมสวยทั่วกรุง ก่อเหตุถี่ยิบราว 30 กว่าครั้งก็ยังไม่มีตำรวจท้องที่ไหนจับได้ ทำเอาผู้บังคับบัญชาเริ่มนั่งไม่ติดเร่งจี้สารวัตรใหญ่ทั้งนครบาล

“ทุกครั้งที่เกิดเหตุ ไม่ว่าท้องที่ไหน ผมจะส่งสายสืบไป ฝั่งธนก็ต้องไป เพื่อจดรายละเอียดแผนประทุษกรรม คดีที่เท่านั้น คดีที่เท่านี้เก็บเป็นข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงตำหนิรูปพรรณของคนร้าย ก่อนนำข้อมูลมาสอนตำรวจสายสืบ สายตรวจ และจราจร ให้เน้นไอ้ผู้ร้าย 2 คนนี้นะ รูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้ ตำรวจคลองตันสมัยโน้นยังไม่เห็นผู้ร้ายก็รู้แล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยอย่างไร รถมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างไร จะเก็บทองไว้ที่ไหน กระทั่งประมาณร้านที่ 40 กว่า มันเข้ามาในเขตคลองตัน  ตำรวจเห็นรถก็รู้เลยว่าใช่ จากการที่บอกกันไว้ สอนกันไว้จนจดจำรูปพรรณได้ ทำให้สามารถจับกุมได้ก่อนก่อเหตุ ค้นรถเจอทองซ่อนอยู่ใต้เบาะที่เก็บไว้อย่างดี”

“ที่จริงคดีนี้ไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีเลย อาศัยความใส่ใจ ถ้าไม่ปั้นตำรวจก็อีกนานกว่าจะจับได้ แล้วคนจะต้องถูกปล้นอีกเท่าไหร่” พล.ต.อ.สมชายบอกอย่างภูมิใจและเล่าต่อว่า “พอย้ายไปอยู่กองกำกับตำรวจรถไฟ สมัยนั้นโนเนมมาก ตำรวจอยู่แบบไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร ผมรับผิดชอบสายใต้ ไปปรับปรุงคุณภาพตำรวจใหม่ วิ่งแถวกับลูกน้อง ฝึกลูกน้อง ปั้นทั้งความรับผิดชอบ ความประพฤติ ที่ส่วนใหญ่ผมเน้นเรื่องพฤติกรรมตำรวจ ศักดิ์ศรีตำรวจ พอได้ตำรวจที่คิดว่า มีความรับผิดชอบสูงก็เริ่มทำงานบนรถไฟ”

“ระยะเวลาแค่ 1 ปี ผมกับลูกน้องจับเฮโรอีนบนรถไฟได้ 170 กว่ากิโล จากกรุงเทพฯ ล่องลงใต้ ตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีถึงพันตำรวจโท ผมจับได้แค่บิ๊ก ๆ  ห่อๆ  ไม่มีหรอกเป็นกิโล ถือว่ามากที่สุดในชีวิต ฝิ่นอีก 300 กว่ากิโล ผมว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจ มันขนกันเยอะมาก รวมทั้งพวกอาวุธ ดินระเบิด แค๊ประเบิด ลงใต้เป็นเข่ง ๆ ก็จับได้เยอะมาก เช่นเดียวกับขาขั้นกรุงเทพฯ ก็ได้ของหนีภาษี ทองคำ และพวกหลบหนีเข้าเมือง กระทั่งถูกข่มขู่ว่าจำเหตุสมัยรถหุ้มเกราะของตำรวจรถไฟถูกระเบิดแล้วตายเรียบได้มั้ย ให้เลิกปฏิบัติ เขียนจดหมายขู่มา แต่ผมไม่เคยกลัว ยิ่งระดมปราบปรามหนักกว่าเก่า คิดว่าของธรรมดา ไม่เห็นน่ากลัว เอาจริงก็ไม่กลัว”

พอย้ายเป็นผู้การทางหลวง ถือเป็นงานหน้าใหม่ของ พล.ต.อ.สมชาย แต่เขาก็พัฒนาหน่วยสร้างภาพตำรวจทางหลวงยุคใหม่ไม่ให้มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง  โชว์ผลงานจับกุมสินค้าหนีภาษี คนร้ายขนอาวุธสงคราม และแก๊งโจรกรรมรถจำนวนมาก “ผมได้สอนลูกน้องเรื่องการตั้งด่านตรวจ ให้ใช้วิธีสังเกตเป็นหลัก สอนกันว่าอะไรควรตรวจ อะไรไม่ควร คันไหน คือรถขโมย ผมมีเทคนิคการสอน อย่างว่า สมัยก่อน ทำง่าย เพราะข้อมูลรถยนต์อยู่ที่กองทะเบียน ตรวจสอบได้ 24 ชั่วโมง ตำรวจยุคนั้นสามารถดูทะเบียนแล้วรู้เลยว่า เป็นรถรุ่นไหน ปีไหน ตรงรุ่นหรือไม่ เห็นทันทีจะรู้ว่า ใช่หรือไม่ใช่ แม้แต่สียังดูรู้ว่า ใช่รุ่น และยี่ห้อมันหรือไม่”

“แต่สมัยอยู่ทางหลวง ผมจะงัดกับนักการเมือง บางทีก็ทหาร งัดแบบไม่กลัว ไม่ถอยด้วย ผมไม่ย่อท้อ ไม่ยอม ย้ายเป็นย้าย มีปัญหาในหลายเรื่อง ถ้าใช้เราในสิ่งที่ถูกที่ควรผมก็ทำ แต่ถ้าอะไรผิด ผมก็จะไม่ทำ จะบอกว่าไม่ทำ ไม่ถอยด้วย ไม่กลัวด้วย ผมไม่กร้าว พูดกับใครจะนิ่ม ถ้าไม่ยอม จะบอกไม่ได้ ไม่ต้องต่อรอง ไม่ว่าใคร ถ้าทำสิ่งดี ๆ ทำ  ภูเขา 10 ลูกให้เดินข้าม ก็ข้ามให้ได้ถ้ามันดี แต่ถ้าให้ไปทำอะไรไม่ดี เดินไปแค่ห้องโน้น ผมก็ไม่ทำ ผมมีจุดยืนของผม” นายพลวัย 60 เศษระบายความรู้สึกในอดีต

มีคดีสำคัญหลายเรื่องที่ พล.ต.อ.สมชาย ลงไปคลุกคลีสืบสวนแล้วประทับใจไม่ลืม เขายอมรับว่า ได้ใช้วิชาสืบสวนอย่างจริงจังตอนนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถสร้างผลงานเป็นตำนานการปราบปรามยานรกให้กรมตำรวจเป็นที่ประจักษ์แก่สหรัฐอเมริกาในยุทธการ Tiger Trap ที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดของอเมริกันตั้งขึ้น เพื่อสืบสวนติดตามนักค้ายาเสพติดระดับโลก ยุคที่ขุนส่าเป็นราชายาเสพติดอันดับ 1 ของโลก

“มีขบวนการค้าเฮโรอีนรองจากขุนส่าอีก 20 คน กบดานอยู่ในเมืองไทย ตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้รับการประสานข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาให้สะกดรอยติดตามอยู่นาน 1 ปีเต็ม ยกตัวอย่าง มีคนหนึ่งอยู่ที่แม่สาย มาขึ้นเครื่องบินที่เชียงราย เราก็ต้องตามจากแม่สาย ส่งถึงประตูเครื่องบิน ตำรวจสะกดรอยชุดแรกก็กลับ แต่แจ้งชุดที่อยู่กรุงเทพฯ ว่า เป้าหมายใส่เสื้อสีอะไร รูปพรรณเป็นอย่างไร เพื่อสะกดรอยตามต่อว่าไปนอนที่ไหน ไปทำอะไร ตามกัน 24 ชั่วโมง มันไปไหนเราต้องรู้ พอครบปี เราได้ใช้หมายจับของอเมริกาที่เฉียบขาดกว่าของเมืองไทยเข้าดำเนินการ”

“เมื่อถึงวันกำหนดดีเดย์ เราก็นำกำลังเข้าจับกุม วันเวลาเดียวกัน เข้าจู่โจมพร้อมกันทั้ง 20 จุด ใช้กำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด หน่วยรบพิเศษของทหาร และตำรวจตระเวนชายแดนป้องกันการปะทะ เนื่องจากแต่ละจุดอยู่ตามแนวชายแดนแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ อยู่ในหมู่บ้าน โอกาสจะเกิดปะทะสูง ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังไม่เพียงพอ ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีสามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญทั้งหมดส่งให้อเมริกาดำเนินคดี และมีส่วนทำให้ขุนส่าเลิกกิจการ  ฝรั่งที่ทำคดีทั้งหลายจะรู้ว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ แต่เมืองไทยไม่ได้คุยอะไรเท่าไหร่ ผมไม่เคยบอกสื่อมวลชนเลยว่า พวกตำรวจไทยนี่แหละอยู่เบื้องหลังทำขุนส่าลดบทบาท” พล.ต.อ.สมชายเผยความลับชิ้นโบแดงที่เก็บไว้นานกว่า 10 ปี

อีกคดีที่เสี่ยงและตึงเครียดไม่แพ้กัน คือแผนปฏิบัติล่อซื้อจับหัวหน้าแก๊งค้ากัญชารายใหญ่ของกัมพูชาที่นำกัญชามาให้เอเย่นต์คนไทยไปปล่อยขายเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในงานฟูลมูนปาร์ตี้ มีโกดังใหญ่อยู่ที่เกาะกง พล.ต.อ.สมชายตัดสินใจส่งสายลับให้ไปล่อซื้อในราคา 9 ล้านกว่าบาทเพื่อต้องการจับหัวหน้าใหญ่ให้ได้ เจรจาตกลงนัดส่งมอบของกันที่เกาะหมาก จังหวัดตราด การวางแผนของ พล.ต.อ.สมชายเป็นไปตามขั้นตอนอย่างละเอียดและรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย มีการประสานกองเรือยุทธการนำเรือรบ 2 ลำมาช่วยภาระกิจสำคัญครั้งนี้

อดีตตำรวจมือปราบยาเสพติดส่งตำรวจชายและตำรวจหญิงปลอมไปเป็นนักท่องเที่ยวเช่าบังกะโลเก็บตัวอยู่บนเกาะก่อนวันนัดส่งมอบกัญชาเพียงไม่กี่วัน มอบหมายให้ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ที่ขณะนั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำกำลังไปสมทบ พร้อมยืมโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมของสหรัฐอเมริกาไปใช้ประสานงานด้วย ให้เรือตรวจการณ์ทหารเรือเตรียมพร้อม นำมนุษย์กบมาช่วยเสริมเวลาเทียบเรือถ่ายของ มนุษย์กบจะใช้สลิงไปคล้องกับใบพัดเรือใต้น้ำทำโซ่พันไว้ หากติดเครื่องเรือใบพัดจะขัดข้องพังทันที ส่วนตัว พล.ต.อ.สมชายเตรียมปืน และเฮลิคอปเตอร์อยู่จันทบุรี ถ้าได้เวลานัดหมายตอนเที่ยงคืนเฮลิคอปเตอร์จะขึ้นไล่ล่ายิงสกัดจากข้างบนกรณีคนร้ายหลบหนีไปได้ อีกหน้าที่คือ นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องไม่มีเจ้าหน้าที่ตาย โดยประสานแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เปิดห้องผ่าตัดใหญ่เตรียมไว้ มีหมอสแตนด์บายตลอดทั้งคืน

“ทุกอย่างเริ่มต้นไปตามแผน บ่ายวันนั้น หัวหน้าใหญ่ชาวเขมรเอาเรือสปีดโบ้ตมาขอดูเงิน เอาตัวอย่างกัญชาใส่มาเต็มลำเรือด้วย เมื่อดูเงินครบตามจำนวน 9 ล้านกว่าบาท ก็รออยู่เลย มันคงเชื่อ ปรากฏว่า พอหัวค่ำ พายุเข้าเกาะ การสื่อสารไม่มี ผมติดต่อลูกน้องไม่ได้  บ้าหมดเลย เริ่มไม่เป็นไปตามแผน สั่งการไม่ได้ ยิ่งดึกฟ้ามืด มีเมฆคลุม เอาเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไม่ได้ รอจนตีหนึ่งขึ้นไปก็ต้องลงเพราะฟ้าปิด ผมต้องรอฟังข่าวอย่างเดียว ฝั่งพวกบนเกาะ พอถึงเวลาเรือเขมรกลับไม่มา อ้างว่าอยู่เกาะกูด กำลังส่วนหนึ่งจึงเอาเรือรบตรวจการณ์ 2 ลำฝ่าคลื่นไป สุดท้ายเกิดการยิงปะทะกันกลางทะเลทราบว่า ฝ่ายเขมรเรือล่ม ดีที่ได้ตัวหัวหน้ากับกัญชาอีกเต็มเรือสปีดโบ้ต แม้ไม่สมใจนึก แต่ถือว่าไม่ล้มเหลว”

การแพร่ระบาดของยาเสพติดในสมัยนั้นเริ่มเข้ามาอย่างหนักตามแนวชายแดนทางภาคเหนือ เกือบทั้งหมดเป็นยาบ้าที่เข้ามายึดฐานวงจรธุรกิจยานรกแทนเฮโรอีน เมื่อ พล.ต.อ.สมชาย ขยับเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจได้นำประสบการณ์ตอนอยู่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดไปสอนตำรวจพื้นที่ภาคเหนือ เกี่ยวกับวิธีการตั้งด่านตรวจค้น “วิธีตรวจ ถ้าเป็นฝรั่งจะใช้หมาดม ผมพยายามบอกไม่ต้องหมาหรอก คนนี่แหละดม ผมจะสอนตำรวจว่า รู้จัก กย.15 มั้ย ถ้ามันใส่ยาบ้าไว้หมื่นเม็ด จะมีกลิ่นคล้าย กย. 15 เอาจมูกเข้าไปดมเลย ถ้าได้กลิ่นรื้อรถได้เลย จับเยอะมาก เป็นล้าน ๆ เม็ดต่อเดือน ตำรวจที่นั่นก็ดีใจรีบรายงานบอกว่า นายครับผมจับได้แล้วครับ อย่างที่นายสอนไว้เลย ผมจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปสอบปากคำ ลูกน้องก็ดีใจ มีนายมาฟัง แล้วยังควักเงินให้เป็นขวัญกำลังใจด้วย ทำแบบนี้ตลอด ให้เงินและชม งานถึงออก  ตำรวจใส่ใจมากขึ้น”

ถามว่าภูมิใจในคดีไหนมากที่สุด พล.ต.อ.สมชายบอกว่า มีคนถามเยอะมาก แต่ตอบยาก งานแต่ละงาน แต่ละจุด ทำมาอย่างดี อย่างตอนเป็นสารวัตรใหญ่คลองตัน มีลูกน้องไปจับคดีพรากผู้เยาว์ ผู้ต้องหาต่อสู้ใช้ระเบิดมือขู่จะขว้างใส่ พอได้รับรายงานจึงรีบซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปที่เกิดเหตุทันที ขึ้นไปกับ พ.ต.อ.วิชัย วงศ์วิรุฬห์ และพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ตอนนั้นยังเป็นหมวดหนุ่มทั้งคู่ คนร้ายถือระเบิดกำอยู่ในมือแน่ ต้องค่อย ๆเกลี้ยกล่อม แต่ชั้นประทวนให้ออกไปให้หมด เหลือแค่นายตำรวจ 3 คนก่อนอาศัยจังหวะชาร์จจับกุม สิ่งที่อยากจะบอกคือ เราไม่ทิ้งลูกน้อง ถ้าอันตรายจะไม่เคยปล่อยลูกน้อง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนจะอยู่เป็นเพื่อนตลอด

ตำนานมือสืบสวนปราบปรามยานรกฝากทิ้งท้ายถึงน้องตำรวจรุ่นหลังด้วยว่า มีโอกาสดูหนังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทั้ง 2 ภาค ดูเสร็จแล้วไปซื้อแผ่นหนัง 197 ชุด ส่งไปที่ตำรวจภูธรภาค 9 ทุกจุด ต่อด้วยตำรวจน้ำ ตำรวจทางหลวง ทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน สันติบาล ใครที่มีสารวัตรประจำอยู่ที่นั่น “ผมเขียนหนังสือนำไปบอกว่า ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว มีความรู้สึกว่า ถ้าท่าน และประชาชนละแวกข้างเคียงได้ดูจะทำให้เกิดความรักชาติ รักแผ่นดิน และจะได้เห็นการเสียสละเลือดเนื้อ ชีวิตของบรรพบุรุษในการรักษาแผ่นดิน ขอส่งให้ท่านกรุณาโปรดดำเนินการตามเจตนารมย์ด้วย”

“อยากบอกว่า จิตวิญญาณของความเป็นตำรวจสำคัญมาก ถ้ามีก็เสียสละอะไรได้เยอะ  ผมสอนตำรวจเสมอ ประชาชนเป็นคนที่เราต้องรับผิดชอบ เขาต้องอยู่อย่างมีความสุขเมื่อมีเราอยู่ และต้องมองว่า ศักดิ์ศรีคุณอยู่ไหน”

ถือเป็นคำคมทิ้งท้ายของนายตำรวจใหญ่ชั้นบรมครูนักสืบ

สมชาย มิลินทางกูร !!!

 

RELATED ARTICLES