สอบสวนกลางปราบแก๊งโกงกู้

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มอบนโยบายให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดยุทธการ“สอบสวนกลาง ปราบแก๊งโกงกู้”  จับกุมผู้ต้องหา 14 ราย พร้อมของกลาง บัญชีธนาคาร 65 รายการ โทรศัพท์มือถือ 78 เครื่อง เอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกรรม 16 รายการ เอกสารเกี่ยวกับคดี 14 รายการ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 9 ใบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 รายการ และของกลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 207 รายการ รวมมูลค่ากว่า 2,383,600 บาท

หลังจากเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2564 มีประชาชนในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถูกกลุ่มมิจฉาชีพเป็นนายหน้าอ้างสามารถหาเงินกู้ให้ได้ ทำให้หลงเชื่อและมอบบัตรประชาชนไป หลังจากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพพาไปสแกนใบหน้ากลางป่าในพื้นที่อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ระบุเป็นขั้นตอนหนึ่งของการยื่นกู้ ผ่านประมาณ 1 เดือน กลุ่มมิจฉาชีพนำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมามอบพร้อมกับเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท อยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์  ต่อมาประชาชนกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารว่าเป็นหนี้ 160,000 บาท ถึงพากันมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพราะตกเป็นเหยื่อแก๊งปล่อยเงินกู้กลุ่มดังกล่าว

สอดรับข้อมูลของพ.ต.อ.ภาดล พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบเครือข่ายผู้ที่ร่วมกระทำความผิดในคดีกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น นำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา 14 ราย เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด ในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดฉะเชิงเทรา

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 13 ราย และให้การปฎิเสธ 1 ราย ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนพบแบ่งหน้าที่กันทำ มีกลุ่มนายหน้ารับผลประโยชน์ทำหน้าที่ชักชวนและสมัครบัญชีออนไลน์เพื่อยื่นกู้บัญชีออนไลน์ เมื่อมีการอนุมัติเงินจะโอนเงินให้ผู้เสียหายร้อยละ 25 ที่เหลือร้อยละ 75 จะยักย้ายถ่ายเทออกไป อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการถ่ายเทไปตลอดเส้นทางของขบวนการ และมีบัญชีต้องสงสัยกว่า40 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหายตอนนี้ 223 ล้านบาท ภายในเวลา 3 เดือนที่ก่อเหตุ

 

RELATED ARTICLES