สอบสวนกลางสรุปแฟ้มคดีสำคัญในรอบปี 2564

 

ตำรวจสอบสวนกลางภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดผลงาน 11 คดีสำคัญในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ของหน่วยงานในสังกัด หลายคดีเป็นคดีอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบและอีกหลายครอบครัว

ถึงแม้ว่าอาชญากรรมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและการใช้ชีวิตของประชาชน “ตำรวจสอบสวนกลาง” เราไม่เคยหยุดนิ่งในการเรียนรู้อาชญากรรมที่เกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งยังศึกษาพฤติกรรมของอาชญากร เพื่อเก็บเป็นสถิติ นำไปวิเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ ถ่ายทอดให้กับตำรวจทุกนาย ในสังกัด “ตำรวจสอบสวนกลาง” ตามนโยบาย “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชน” ทำการสืบสวน ปราบปรามคดีที่มีความซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากมายหลายคดี มีสถิติการจับกุมรวมแล้วกว่า 2,000 คดี จับกุมผู้ต้องหาไปแล้วกว่า 3,000 ราย มีรายละเอียดผลงานชิ้นสำคั จำนวน 11 คดี ดังนี้

1. กองบังคับการปราบปราม หลังจากที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเล็งเห็นว่า ปัจจุบันคนร้ายส่วนใหญ่มักใช้อาวุธปืนที่มีการซื้อขายหรือครอบครองโดยผิดกฎหมายในการก่อเหตุอุจฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564  ได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดยกองบังคับการปราบปรามสนธิกำลังปราบปรามต้นเหตุความรุนแรงที่เกิดจากการใช้อาวุธปืน ซึ่งกลายเป็นภัยใกล้ตัวของประชาชนในยุทธการ “สอบสวนกลางกวาดล้างปืนเถื่อน” ตรวจค้นเป้าหมายทั้งสิ้น 126 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 51 ราย สามารถตรวจยึดอาวุธปืนกว่า 300 กระบอก พร้อมของกลางอื่นๆ รวมกว่า 1,000 รายการ ถือเป็นการตัดวงจรเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้

2. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค  ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบพบกลุ่มคนร้ายฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการการลักลอบจำหน่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ยี่ห้อฟาเวียร์ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์เกินราคา สนธิกำลังเข้าตรวจค้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในขบวนการได้ 9 ราย และตรวจยึดยาฟาเวียร์ของกลางมาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่สั่งซื้อในนามโรงพยาบาลจากองค์การเภสัชกรรม แล้วนำออกมาจำหน่ายเพื่อหากำไร ตรวจสอบสอบพบราคาต้นทุนอยู่ที่ กล่องละ 1,600 บาท แต่เมื่อนำมาจำหน่ายทางสื่อออนไลน์ กลับจำหน่ายในราคาถึงกล่องละ 4,000-8,000 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมสืบสวนขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการต่อไป

3.กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ในปัจจุบันเยาวชนได้หันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกันเป็นจำนวนมาก โซเชียลมีเดียจึงเป็นช่องทางหนึ่งที่คนร้ายใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กและเยาวชน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้เปิดยุทธการ “ลูกแกะน้อยออนไลน์เฟส 1 และ เฟส 2” สืบสวนจับกุมเครือข่ายโมเดลลิ่ง นำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายบริการทางเพศออนไลน์ จากการสืบสวนพบว่ามีเหยื่อเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จากทั้งสองยุทธการสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ได้มากกว่า 10 ราย และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กได้อีกหลายราย และยังพบข้อมูลว่ามีกลุ่มผู้ที่อาจถูกแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกว่า 40 ราย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายแบบถอนรากถอนโคน

 

4. กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เปิดยุทธการปิดล้อมจับกุมผู้มีอิทธิพล ระดมจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ โดยได้นำกำลังกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง คดีสำคัญ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ในพื้นที่ จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง  จับกุมกำนันตุ้ม อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญที่เป็นผู้มีอิทธิพล เเละเป็นอดีตกำนันในอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีฆ่า  พยายามฆ่า ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อาวุธปืน,  ปลอมแปลงเอกสาร จำนวนหลายคดี พร้อมกันนี้ยังได้มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสำคัญ/น่าสนใจ อีกจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย คดีร่วมกันฆ่า พยายามฆ่า และพระราชบัญญัติอาวุธปืน จำนวน 2 ราย คดีข่มขืนและรีดเอาทรัพย์ 1 ราย คดีฉ้อโกงประชาชน และยักยอก 5 ราย และคดีหมิ่นประบาทโดยการโฆษณา 1 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย อาวุธปืน  43 กระบอก เครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ  237 นัด  รถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมกว่า 42 คัน

5. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สืบเนื่องมาจากประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับความเดือดร้อนจากการนำเศษขยะมูลฝอย เศษพลาสติก เศษไม้ เศษหิน และวัสดุก่อสร้าง มาทิ้งในพื้นที่ชุมชน ทำให้ขยะส่งกลิ่นเหม็น สร้างมลภาวะอากาศ และน้ำเน่าเสียจากขยะมูลฝอยรั่วซึมไปยังบริเวณใกล้เคียง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่สืบสวนจนพบแปลงที่ดินที่ประกอบกิจการรับทิ้งขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต 7 แห่ง ในพื้นที่เมืองหลวง แต่ละแปลงมีรถบรรทุกเล็กและใหญ่เข้ามาทิ้งขยะไม่ต่ำกว่า 50-200 คันต่อวัน บางแปลงมีการลงทุนเช่าที่ดินขนาดใหญ่ ค่าเช่ากว่า 100,000 บาท และเช่ารถแบคโฮ อีกคันละ 8,000 บาทต่อวัน ได้ดำเนินการจับกุมบ่อขยะผิดกฎหมายทั้ง 7 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานครดำเนินคดีตามกฎหมาย

6. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ  ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กลุ่มผู้ต้องหาได้หลอกลวงประชาชนที่ขาดรายได้และต้องการเข้าถึงแหล่งทุน จึงออกกลอุบายชักชวนว่าสามารถหาแหล่งเงินทุนให้ได้ เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว สามารถกู้เงินได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกลุ่มผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปสแกนใบหน้ากลางป่า อ้างว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการยื่นกู้ จากนั้น 1 เดือน กลุ่มผู้ต้องหาได้นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมามอบให้ พร้อมกับเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท อยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาผู้เสียหายกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารว่าตนเองเป็นหนี้ 160,000 บาท ได้รับเงินจริงเพียง 1 ใน 4 ของยอดที่ขอกู้ เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากตกเป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์โดยไม่รู้ตัว กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา มูลค่าความเสียหายกว่า 223 ล้านบาท กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งสิ้นจำนวน 14 ราย และสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ 10 จุด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ควบคุมตัวผู้ต้องหา และยึดของกลาง  390 รายการ

7.กองบังคับการตำรวจน้ำ เดินหน้าตามนโนบายของรัฐบาล ที่ให้ดำเนินการปราบปรามขบวนการลักลอบนําน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 กองบังคับการตำรวจน้ำนำเรือตรวจการณ์ลาดตระเวนไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากที่ได้รับเเจ้งว่าจะมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลผิดกฎหมายเข้ามาเพื่อจำหน่ายในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน จากการตรวจการณ์ลาดตระเว สามารถสกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันสีดำ MITA 1 ได้บริเวณปากร่องน้ำเจ้าพระยา ภายในเรือพบน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลประมาณ 1.2 ล้านลิตร พร้อมกับกัปตันและลูกเรือจำนวนรวม 9 คน

8. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี   ปัจจุบันการกระทำความผิดที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ กำลังกลายภัยใกล้ตัวที่ประชาชนมักจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงได้ง่ายยิ่งขึ้น คดีสำคัญอีกหนึ่งคดีที่ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี สืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้นั้น เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบสวนติดตามตัวอดีตพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแอบลักลอบนำข้อมูลของทางบริษัท เป็นข้อมูลส่วนบุคคลไปประกาศขายทางออนไลน์ ให้ชำระผ่านทางสกุลเงินดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่ถูกนำไปประกาศขายนั้น มีจำนวนกว่า 600,000 รายชื่อ

9. กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ  มอบเงินสด 63 ล้านบาท ถวายคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ หรือหลวงพ่อพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน หลังจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้รับหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบไวยาวัจกร และคนใกล้ชิดของหลวงพ่อพัฒน์ ที่มีพฤติการณ์ทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบไวยาวัจกรทั้ง 3 รายที่ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวไป และถึงแม้ว่าไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย จะยินยอมนำเงินมาคืนให้แก่ทางวัดแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการตามกฎหมายในส่วนอื่นต่อไป

10. กองบังคับการตำรวจทางหลวง ลุยการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการแข่งรถบนท้องถนน เป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน กองบังคับการตำรวจทางหลวงดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้สกัดจับกระบะตู้ทึบที่ขับขี่หลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่ไปตามถนน กิโลเมตรที่ 358-359 ตำบลโนนท่อน อำเภอเมืองขอนแก่น มีรถเสียหลักตกลงไปข้างทาง ภายในรถพบยาบ้าจำนวนกว่า 2 ล้านเม็ด และยาไอซ์จำนวน 200 กิโลกรัม

11. กองบังคับการตำรวจรถไฟ สืบสวนกกรณีที่มีเหตุลักลอบตัดสายไฟในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง อาจจะส่งผลต่อการสัญจรในระบบรางรถไฟ และสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กองบังคับการตำรวจรถไฟ ได้เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังในการตรวจตราทรัพย์สินของทางการรถไฟเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ท้ายที่สุดนำไปสู่การจับกุม 3 ผู้ต้องหาลักลอบตัดสายไฟบริเวณโครงการรถไฟฟ้าสานสีแดงย่านสถานีกลางบางซื่อ

11 คดีสำคัญประจำปี2564 ของตำรวจสอบสวนกลางนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจของ “ตำรวจสอบสวนกลาง” เพื่อจะเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนสังคม ให้ทราบถึงภัยของอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเตือนตำรวจในสังกัด “ตำรวจสอบสวนกลาง” ให้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ ให้สำนึกในหน้าที่ของข้าราชการที่ดี ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้สมกับนโยบาย และวิสัยทัศน์ ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ว่า “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”

RELATED ARTICLES