สืบภาค 3 ทลายเครือข่ายหลอกรักออนไลน์มีผู้เสียหายนับร้อย

พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3  สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3  พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 นำกำลังจับกุม น.ส.สถาพร เรือนปานันท์ ณัฐพล อายุ 35 ปี ที่หน้าบ้านเลขที่462  หมู่2 ตำบลบ้านเพชร อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ พร้อมกับนายสุทิน พลขันธ์ อายุ 30 ปี  ขณะเดียวกันยังจับกุม นายศรนรินทร์ อินทะรัตน์ อายุ39 ปี หน้าบ้านเลขที่ 117 หมู่ 9 ตำบลพุกาม อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จับกุมนายอาทิตย์ เกตุวิทย์ อายุ19 ปี ภายในหมู่บ้าน ตำบลหนองพังค่า อำเภอเมืองอุทัยธานี  น.ส.สมาน คำงุ้นนาย อายุ40 ปี ได้ที่ทางเข้าอาคาร อัสสกาญจน์ เพลส คอนโดมิเนียม แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และนายพงศธร จรูญโรจน์อายุ 23 ปี ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยทองหลาง 2 ตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุมแบน จังหวัดสมุทรสาคร

พฤติการณ์ในคดีกล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก เกี่ยวกับการหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ปลอมเป็นชาวต่างชาติหลอกให้รัก หลอกให้หลง เมื่อเหยื่อหลวมตัวจะใช้อุบายว่าจะส่งสิ่งของมีค่ามาให้ หรือติดปัญหาในการเดินทางที่จะมาพบกัน ให้เหยื่อโอนเงินไปเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ  กลุ่มเป้าหมายจะเป็นหญิงไทยอายุมาก หรือบุคคลอื่นที่ต้องการมีสามี หรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก

สอบสวน น.ส.สถาพร เรือนปานันท์ ณัฐพล สารภาพว่า ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพใด มีรายได้จากการหลอกลวงผู้อื่น หลังจากเมื่อประมาณปี 2560 ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และได้รู้จักกับชาวต่างชาติเป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหาย มีการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่วนตัวเองมีหน้าที่จัดหาบัญชีในการโอนเงินและคนกดเงินออก เมื่อมีการโอนเงินเข้ามาแล้ว จะถอนออกทั้งหมด และโอนเงินต่อให้กับผู้ร่วมขบวนการ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นกลุ่มแก๊ง แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ยากต่อการจับกุม ส่วนตนจะได้รับผลประโยชน์ตามเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ผู้เสียโอนเข้ามา

จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยราย ยังพบอีกว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ และยังมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ทำมาแล้วประมาณ 4 ปี มีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 120 ล้านบาท

 

RELATED ARTICLES