คิดว่า ควายคงฟังไม่รู้เรื่อง
“เสียงซอ” ที่ พล.ต.ต.ภาสกร สถิตยุทธการ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามสื่อสารอันตรธานหายไปในอากาศ
เจ้าตัวสะท้อนสังคมปัจจุบัน
“มีปืนลูกโม่ขอปืนพกกึ่งอัตโนมัติบอกว่า มีแล้วมาขออะไรอีก มีปืนลูกกรด .22 นิ้ว ขอปืนลูกซองก็ไม่ให้ 2เดือนก็แล้ว 3เดือนก็แล้ว บอกว่า ให้โทรไปถามก็ไม่มีใครรับสาย พอพลเรือนขอ 2-3 อาทิตย์ได้ใบ ป.3 ขนาดไหนกี่กระบอกได้หมด ถ้าสีเทาถึง” พล.ต.ต.ภาสกรว่าถึงปัญหาใบขออนุญาตซื้อปืนของตำรวจ
“ปืนพวกมันดีกว่าตำรวจอีก กระสุนปืนก็เพียบ” เจ้าตัวย้ำ
คงเป็นความจริงที่นายพลระดับตำนานมองเห็น
จากเหตุการณ์ยิงถล่มหน้าห้างบิ๊กซีกลางเมืองอุบลราชธานีไปสู่กรุงราชธานีเก่าพระนครศรีอยุธยา บทพิสูจน์อาวุธปืนอยู่ในมือของผู้รักษากฎหมาย
หรือตกอยู่ในมือกลุ่มผู้มีอิทธิพลชอบกระทำผิดกฎหมาย
ชาวบ้านสุจริตชนบาดเจ็บล้มตายไปแล้วไม่รู้เท่าไร หน่วยงานผู้รับผิดชอบถึงจะ “ตาสว่าง”
ศึกทับเส้นทางหากินของโรงน้ำแข็ง “กำนันเจ้าถิ่น” บานปลายยกพวกยิงถล่มใส่กลุ่มโรงน้ำแข็งอีกฝั่งที่หาญกล้าเหยียบพื้นที่เป็นภาพคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลกโซเชียล
เปิดฉากถล่มกันบนถนนเส้นเจดีย์-วัดพนัญเชิง ใกล้ที่กั้นทางรถไฟวัดพนัญเชิง หมู่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา
คมกระสุนปลิวว่อนกลางเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเป็น “มรดกโลกทางวัฒนธรรม” อย่างอุกอาจ
ขื่อแปไร้ความหมาย ผู้คนสัญจรไปมาเผชิญอัตราความเสี่ยง
ดวลปืนยิ่งกว่าหนังคาวบอย
ที่สำคัญสุด “กำนันเจ้าถิ่น” ขนลูกสมุนสังกัดปกครองไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมพร้อมอาวุธครบมือระดมยิงใส่ขั้วตรงข้าม
ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกหรือเปล่า
นายวีระชัย นาคมาศ พ่อเมืองกรุงเก่าจะยังสบายดีอยู่ไหม
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำได้เพียง “ดับไฟที่ปลายเหตุ” ตามกวดจับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่ายมาดำเนินคดี ยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุจำนวนหนึ่งเพื่อไม่ให้ลุกลามล้างแค้นกันอีกระลอก
หวังว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “ไม่ใช่ควาย” น่าจะฟัง “เสียงซอ” รู้เรื่อง
“เสียงซอ” ที่ดังสลับ “เสียงปืน” ลั่นกึกก้องทั่วบ้านทั่วเมือง