นับเป็นคดีท้าทายความสามารถของผู้รักษากฎหมาย
มือปืนบุกเดี่ยวเด็ดหัว นายมานพ เสถียรเขตต์ หรือ ทนายต้อย อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักษาชาติ ตายคาปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตเลี่ยม เลขที่ 111 หมู่ 4 ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง อย่างโหดเหี้ยม
ผู้ตายเป็นทนายความที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดระยอง และยังเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาในการดำเนินคดีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทุจริตและกระทำผิดกฎหมายในถิ่นตัวเองอีกหลายคดี
แนวการสืบสวนสอบสวนมุ่งประเด็นมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุที่สลับซับซ้อน เป็นคดีที่มีความยากมากที่สุดคดีหนึ่ง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องสั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระดมนักสืบลงคลี่คลาย ชนวนสั่งตาย มอบให้กองบังคับการปราบปราม ประสานข้อมูลกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และสถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย จังหวัดระยอง
เริ่มแกะรอยจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุไล่เส้นทางหลบหนีของคนร้ายไปได้ประมาณ 4 กิโลเมตร พบรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุจอดทิ้งไว้ในที่รกร้าง บนถนนริมคลองกะพรุน หมู่ 2 ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง หลังก่อเหตุเพียงวันเดียว
ภายในที่เก็บของใต้เบาะรถพบถุงเสื้อกันฝน กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพบ “รอยนิ้วมือแฝง” จากซองพลาสติกใสหุ้มเสื้อกันฝน ทว่าตรวจกับระบบทะเบียนประวัติอาชญากรหรือ (AFIS) ไม่พบข้อมูลรอยนิ้วมือผู้ต้องสงสัย เนื่องจากเจ้าของรอยนิ้วมือยังไม่เคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน
ระหว่างนั้นทีมสืบสวนพบเบาะแสสำคัญจากกล้องวงจรปิดใกล้กับจุดทิ้งรถจักรยานยนต์ เป็นแสงไฟเล็กๆจากหน้ารถยนต์ 1 คันมาจอดใกล้ๆกับจุดทิ้งรถจักรยานยนต์ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุไม่กี่นาทีก็เคลื่อนตัวออก
ชุดสืบสวนจำลองเหตุการณ์การขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีของคนร้ายจากปั๊มน้ำมันมาที่จุดทิ้งรถ พบว่าเวลาที่คนร้ายมาถึงจุดทิ้งรถจักรยานยนต์ มีรถยนต์คันที่จอดรอขับออกทันที
กลายเป็น “กุญแจสำคัญ”ในคดี ทำให้ทราบว่า คนร้ายโดดไปขึ้นรถยนต์หลบหนีไปเป็นรถยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน ฆภ 2591 กรุงเทพมหานคร ผู้ครอบครอง คือ นายนิติพนธ์ หรือ แบน ฉ่ำชื่น อายุ 57 ปี และกล้องวงจรปิดเก็บภาพใบหน้าผู้ขับมีตำหนิรูปพรรณตรงกับ นายนิติพนธ์ ฉ่ำชื่น เป็นพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า คนพามือปืนหลบหนี คือ นายนิติพนธ์ ฉ่ำชื่น
ทีมนักสืบภาคตะวันออกไล่เส้นทางต่อพบรถคนร้ายขับหลบหนีไปในพื้นที่กรุงเทพมหานครส่งมือปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเดินลัดเลาะเข้าไปในตรอกริมคลองหลังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
แกะรอยจนทราบตัวคนร้ายที่เป็นมือยิง คือ นายปิติ นิชรัตน์ อายุ 54 ปี ที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำแผ่นพิมพ์นิ้วมือ (นิ้วโป้ง) ที่ นายปิติเคยให้ไว้ในการทำบัตรประชาชนจากกรมการปกครองให้ผู้เชี่ยวชาญจากกองพิสูจน์หลักฐานเปรียบเทียบกับรอยนิ้วมือแฝงที่พบจากซองพลาสติกใสหุ้มเสื้อกันฝนในช่องเก็บของของรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุ
ผลตรวจปรากฏว่า “เป็นรอยนิ้วมือคนคนเดียวกัน”
เป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มัด นายปิติ นิชรัตน์ เป็นผู้ลงมือลั่นไกสังหารเหยื่อ
คณะทำงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับและศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน
มี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม และคณะพนักงานสอบสวนพยานหลักฐานขยายผล
ส่งมอบภารกิจให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.บัญชา คล้ายน้อย ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ท.อุกฤษ พันธุ์คงชื่น รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว นำทีมนักสืบ 5 G และชุดปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 สนธิกำลัง พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
ตามจับกุมทีมสังหารทั้งสองไปขยายผลปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยกว่า 8 แห่ง โยงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีหลายรายการ มีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ปืนลูกโม่ ยี่ห้อ สมิทแอนด์เวสสัน สีดำ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ที่บ้านเลขที่ 112/45 หมู่ 1 ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยองที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเปรียบเทียบหัวกระสุนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
ยืนยันว่า “เป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุ” และปรากฏพยานหลักฐานเชื่อมถึง นายเสถียร บุญกล้า อายุ 52 ปีคนสนิท นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เป็นผู้จัดหาและสั่งซื้อปืนในช่วงก่อนเกิดเหตุเพียง 10 วัน
พร้อมขออนุมัติหมายจับ นายชัชชาย หรือ ขาว ปาตมิตร คนขับรถนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองอีกคนในข้อหา เป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
อยู่ระหว่างการขยายผลทำลายเครือข่ายอิทธิพลสั่งตาย “ทนายต้อย” ต่อไป