“คุณดูข่าวช่อง 11 คุณก็รู้เป็นกระบอกเสียงรัฐบาลอยู่แล้ว”

ผู้ประกาศสาวคว้าปริญญาโทนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นดีกรีติดตัวอีกใบ

“เชอรี่” ปฐมาภรณ์ หาญชาญชัย คนข่าวมากฝีมือแห่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือช่อง 11 ครั้งหนึ่งเคยฝันอยากไปเรียนทำอาหารโรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นกุ๊กหญิง แม้ตัวเองจะทำอาหารไม่อร่อย แต่ด้วยความที่ชอบดูรายการอาหารจึงทำให้ซึมซับ

สุดท้ายฝืนค่านิยมคนไทยไม่ได้ หลังจบโรงเรียนสตรีนนทบุรีเลยไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เธอเล่าว่า ครอบครัวคนไทยชอบให้ลูกเรียนจบปริญญาตรี ทำให้รู้สึกว่าต้องจบปริญญาตรีก่อนดีไหมถึงค่อยไปเรียนเรื่องทำอาหารก็ได้ ไม่แปลก การที่เลือกไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ครั้งนั้น ไม่ได้คิดอยากมาเป็นนักข่าว หรือผู้ประกาศข่าว แค่คิดว่างานประชาสัมพันธ์น่าจะเหมาะกับเรา  เพราะเป็นคนชอบพูด ชอบเป็นพิธีกร ผู้ดำเนินรายการมันน่าจะไปได้กับงานด้านนี้

พอเรียนจริง ๆ เธอกลับรู้สึกว่า งานประชาสัมพันธ์มันน่าเบื่อเลยเปลี่ยนแนวคิดมาเป็นนักข่าวดีกว่า มันไม่ได้อยู่กับที่ดี นิสัยส่วนตัวก็ไม่ชอบความจำเจ กระทั่งได้ไปฝึกงานเป็นนักข่าววิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เริ่มจากไม่รู้อะไรเลย ใช้เวลา 3-4 เดือนวนเวียนไปตามกระทรวง ทำข่าวอยู่ในสายสังคม และเศรษฐกิจ

เมื่อฝึกงานเป็นนักข่าววิทยุต้องลงเสียงอ่านข่าวด้วย จุดประกายให้เชอรี่ฉาวแววการเป็นผู้ประกาศข่าวทันที เจ้าตัวเล่าว่า บก.การเมืองวิทยุฟังแล้วบอกว่า เธออ่านข่าวใช้ได้ เสียงได้ เสียงเพราะ ทำไมไม่มาเป็นผู้ประกาศ ตอนนั้นก็มีความรู้สึกว่า ไม่ได้จบมาจากสถาบันอย่างจุฬาลงกรณ์ หรือธรรมศาสตร์ จะเป็นได้เหรอแต่ก็มีความพยายามในเบื้องต้น

“มันเหมือนเป็นพรหมลิขิต เป็นโชคของเราอย่าง พอฝึกงานจบเพียงอาทิตย์เดียว พี่ที่เป็นนักข่าววิทยุชวนไปสมัครงานเป็นนักข่าวทีวีให้บริษัทแห่งหนึ่ง ทำข่าวป้อนให้ช่อง 11 เป็นข่าวท่องเที่ยวตอนเช้าได้เวลาประมาณ 10-15 นาที จึงไปเริ่มการใช้ชีวิตนักข่าวท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจจากตรงนั้น ได้ไปเที่ยวด้วย ทำโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจด้วย ทำสกู๊ปลงเสียง พอจะเริ่มจับจุดตัวเองได้จึงไปสอบใบผู้ประกาศ ครั้งแรกไม่ได้ มีความพยายามมากถึงกับเสียใจร้องไห้ ซ้อมกันเป็นปี ไปเจออะไรก็พยายามฝึกอ่านออกเสียง ครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้ จนครั้งที่ 3 ถึงจะได้” ผู้ประกาศที่มีวิญญาณนักข่าวผสมอยู่ในตัวจำความรู้สึกนั้นได้ดี

“ ข่าวที่อ่านครั้งแรกเป็นข่าวกีฬา ไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย แต่อาศัยจังหวะได้ ตอนที่มาเป็นผู้ปะกาศจริง ๆ จะอยู่บริษัทร่วมผลิตป้อนให้ข่อง 11 มีโอกาสออกไปทำข่าว แต่ไม่ใช่ข่าวทำนองการเมืองเศรษฐกิจ มันเป็นข่าวลูกค้า ข่าวประชาสัมพันธ์มากกว่า แต่ก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน พอมาอยู่นาน ๆ ก็เริ่มชอบข่าวการเมือง เพราะติดตามข่าวตลอดแล้วรู้สึกว่ามันสนุก อยากทำ บางครั้งก็ได้รับมอบหมายให้ไปรายงานสดที่ทำเนียบรัฐบาลบ้าง ได้ลงสนามบ่อยครั้ง กระทั่งปรับย้ายโอนจากบริษัทร่วมผลิตเก่ามาอยู่ช่อง 11 เต็มตัว”

กดดันหรือไม่กับภาพการเมืองแบ่งขั้วแล้วตัวเองต้องมาอยู่ตรงกลางแบบนี้ เชอรี่บอกว่า มันชินแล้ว  เสื้อเหลืองมา เสื้อแดงมา ครั้งที่แล้วไม่ชอบเรา ครั้งนี้ก็ต้องมาชอบเรา กลับมาดูเรา เป็นวัฏจักร คนดูจะเป็นคนไตร่ตรอง “แต่เราก็ยอมรับความขัดแย้ง บางครั้งเพื่อนพนักงานโดนตำหนิ เช่น ช่วงเสื้อแดง โดนด่าว่า หอยม่วง หรือว่าโดนฉุดกระชากลากไป เรามองว่ามันไม่เป็นธรรม ตรงที่ว่า คุณน่าจะเข้าใจ คุณดูข่าวช่อง 11 คุณก็รู้เป็นกระบอกเสียงรัฐบาลอยู่แล้ว คุณก็ไม่ต้องดู หรือคุณจะดูแล้วเอาไปไตร่ตรองกับช่องอื่น ๆ ชั่งน้ำหนักกัน”

สาวผู้ประกาศข่าวคนนี้อยู่ช่อง 11 มานานจนกลายเป็นลูกหม้อของสถานีไปแล้ว เธอบอกประทับใจที่นี่ เพราะอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง บางครั้งมีการแข่งขันกัน แต่เชื่อว่าน้อยกว่าที่อื่นที่แข่งขันกัน เบียดกันจนไม่มีคำว่าเพื่อน หรือมิตรภาพ ที่นี่มันยังมีคำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานให้เหลืออยู่ ณ วันนี้พอใจในจุดนี้ บางครั้งมันเลือกไม่ได้ เราไม่ได้เป็นคนสวย คนเก่งอะไรมากมาย เราก็ต้องเข้าใจไปเอง

วันนี้ เชอรี่ยังทำหน้าที่เป็นรีไรเตอร์ควบคู่กับเป็นผู้ประกาศข่าว และออกไปทำข่าวรายงานสดบ้างบางโอกาส เธอยืนยันว่า แม้ช่อง 11 จะเป็นสถานีของรัฐบาลที่ต้องทำตามนโยบายของนักการเมือง มีข้อจำกัดของสถานีมากมาย แต่เธอจะพยายามทำข่าวให้เป็นกลางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

RELATED ARTICLES