ที่ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำคณะผู้เข้ารับการฝึกอบรมตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบังคับการปราบปราม และกองบังึคับการปฏิบัติกา่รพิเศษ เข้ารับการฝึกตามโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพการใช้อาวุธปืน สำหรับข้าราชการตำรวจ ทำหน้าที่ครูฝึกต้นแบบ (Training For Trainer) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2566
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะศักยภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนการได้รับการฝึกทบทวนการใช้อาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการเข้าระงับยับยั้งเหตุซึ่งหน้าต่างๆ รวมถึงการปราบปราม ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดความชำนาญในการใช้อาวุธปืนประจำกาย สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเกิดความปลอดภัยต่อตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการต่อยอดจากการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำข้าราชการตำรวจตัวแทนจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อาทิ นเรศวร 261 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อรินทราช 26จากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และหน่วยคอมมานโด สยบริปูสะท้านของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เดินทางไปฝึกทักษะการใช้อาวุธปืนทางยุทธวิธี สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย (Law enforcement) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อนำความรู้มาปรับใช้และถ่ายทอดให้กับข้าราชการตำรวจ มีครูฝึกผู้มีทักษะความชำนาญด้านอาวุธและยุทธวิธีเป็นผู้ถ่ายทอดให้ความรู้อย่างเข้มข้นตามมาตรฐานสากล
โครงการดังกล่าวฝึกอบรมที่ค่ายนเรศวร ระหว่างวันที่ 21 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 ได้รับการสนับสนุนครูฝึกที่มีความชำนาญการในการใช้อาวุธปืนสั้นในระดับมาตรฐานสากล ประเทศออสเตรีย (ได้รับการประสานงานผ่าน บริษัท Glock แห่งประเทศไทย) จำนวน 2 นาย มาถ่ายทอดทักษะในการใช้อาวุธปืน รวมไปถึงการยิงปืนในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญในการปฏิบัติงานจริงรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งยิง นอนยิง การยิงหลังที่กำบัง หรือการยิงขณะเคลื่อนที่ การฝึกยิงในลักษณะดังกล่าวจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องได้รับการฝึกฝนก่อนเข้ารับการยิงจริงจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลการฝึกอบรมระดับ Level 1 จำนวน 14 นาย ผ่านเกณฑ์การฝึกทั้งสิ้น 14 นาย ระดับ Level 2 จำนวน 22 นาย ผ่านเกณฑ์การฝึกทั้งหมดเช่นกัน
