คนข่าวสาวอาชญากรรมมากความสามารถ
“เอ๋”พรรณทิพา จิตราวุฒิพร ชาวกรุงอาศัยอยู่ท้องทุ่งบางนา เรียนจบโรงเรียนสารสาสน์พัฒนา ไปต่ออรรถวิทย์ ก่อนไปจบมัธยมปลายโรงเรียนพระโขนงวิทยาลัย มีความฝันวัยเยาว์อยากเป็นดารานางแบบ หวังเรียนสายการแสดงมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แต่ชะตาพลิกผันให้ต้องเข้าวารสารศาสตร์จับงานสายสื่อมวลชนเต็มตัวเมื่อสวมบทนักศึกษาฝึกงานหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
“เลือกฝึกที่นี่เพราะเห็นว่าใกล้บ้าน” เจ้าตัวให้เหตุผล
เธอได้ติวเตอร์รุ่นพี่ฝีมือฉกาจอย่าง ชัยวุฒิ มั่นสิงห์ อดีตนักข่าวอาชญากรรมมากประสบการณ์ค่ายเดอะเนชั่นที่ผ่านงานมาทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกรมตำรวจ คอยประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในการทำข่าวสายตำรวจตลอดระยะเวลา 4 เดือนของการฝึกงาน
นักข่าวสาวรับว่า กลัวเหมือนกันเวลาเจอศพ แต่ต้องฝืนทำใจ เพราะเขากำชับมา “ประสบการณ์ทำข่าวเห็นศพครั้งแรก เอ๋แทบเป็นลม เกิดอุบัติเหตุรถชนหน้าที่เนชั่นพอดีสด ๆ ร้อน ๆ เอ๋ต้องลงไปทำข่าว คนตายขี่มอเตอร์ไซค์โดนรถสิบล้อทับสมองกระจาย ร่างเละ แฟนคนตายวิ่งข้ามถนนมาดูแล้วร้องไห้จะเป็นลม ส่วนเอ๋สั่นไปหมด ทำอะไรไม่เป็นจะลมจับเหมือนกัน น่ากลัวมาก แต่ต้องมองรายละเอียดในเรื่องของสภาพศพ การแต่งกายเพื่อเอามาเขียนเป็นข่าวตามที่พี่เขากำชับมา”เธอจำติดตา
เอ๋ฝึกงานตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชมรมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองปราบปราม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านงานข่าวอาชญากรรมจนคล่องมือ ท่ามกลางความหวังว่า ถ้าเรียนจบแล้วคงตัดสินใจเลือกทำงานที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึกแห่งนี้ แต่สุดท้ายความฝันพังทลาย เมื่อต้นสังกัดค่ายบางนาปฏิเสธอ้างว่า ตำแหน่งเต็มอยู่
เตะฝุ่นเสียใจอยู่หลายเดือน ได้รุ่นพี่นักข่าวฝากให้ไปทำงานอยู่เว็บไซต์ “รีพอตเตอร์”ของ เนวิน ชิดชอบ ที่จัดทำสื่อออกมาตอบโต้กลุ่มผู้ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น เธอเล่าว่า ไม่ได้คิดอะไร ต้องการหางานทำ มีอะไรก็ทำไปก่อน ได้ทำข่าวสารพัด อนาคตกำลังสดใสเงินเดือนกำลังจะขึ้น รู้สึกดีใจมาก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เว็บไซต์โดนปิด เนวินถูกตามล่า ส่วนเราตกงานอีกรอบ
ฃเที่ยวนี้วิจัยฝุ่นเดือนเดียว เอ๋รับงานใหม่เข้าสังกัดสถานีวิทยุไอเอ็นเอ็น ทำข่าวสายเฉพาะกิจและอาชญากรรม วิ่งอยู่หลายสายทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน เก็บเป็นโปรไฟล์ให้ตัวเองนาน 2 ปี ถึงเลือกมาสมัครทำงานทีวีสังกัดค่ายมีเดีย ออฟ มีเดียส์ อยู่ในทีมประเด็นเด็ด 7 สี เน้นไปที่การออกหาข่าวภูมิภาค แต่ยังจับสายข่าวอาชญากรรมอยู่
สาวเจ้าให้เหตุผลว่า อยากหาประสบการณ์ใหม่ เราเคยทำหนังสือพิมพ์มาแล้ว ข่าววิทยุก็ทำแล้ว ถึงอยากลองทำทีวีดูบ้าง เมื่อเปิดรับก็ไปสมัครทันที รู้สึกว่า ต่างกันเยอะ หนังสือพิมพ์เราต้องเก็บรายละเอียดให้มากเพื่อเอามาเขียนบรรยายเป็นข่าว แต่ทีวีจะคล้ายกับวิทยุ คือ กระชับ แต่บรรยายด้วยภาพ สนุกพอสมควร
เธอมีมุมมองในการทำข่าวว่า อาจจะไม่แตกต่างจากนักข่าวคนอื่นๆ ทั่วไปที่มีจรรยาบรรณของความเป็นนักข่าว ไม่ว่าจะเป็นการยึดมั่น ในหลักความดี การเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอียงไปข้างใด ข้างหนึ่งให้รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ที่สำคัญต้องนำเสนอข้อเท็จจริงออกสู่สายตาประชาชน โดยเฉพาะตัวเองที่ได้ชื่อว่าเป็นสื่อมวลชน ยิ่งการทำข่าวโทรทัศน์เราจะเน้นนำเสนอข่าวด้วยข้อเท็จจริงเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้ว
ผ่านสนามข่าวเหตุการณ์มามากมาย แต่ไม่ระทึกตื่นเต้นเท่ากับการเข้าไปอยู่ในวังวนสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 “มันเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและเสี่ยงมาก เอ๋ลงไปตามข่าวชุมนุมที่หัวถนนสีลมเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ประชาชนรับรู้ มีทั้งเสียงระเบิด เสียงปืนดังเป็นระยะ แต่ละครั้งล้วนมีคนบาดเจ็บที่ต้องเข้าช่วยเหลือนาทีต่อนาที ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ถือเป็นประสบการณ์ที่เอ๋ไม่อาจลืม”
“ เห็นนักข่าวรุ่นพี่แต่ละคนต้องใส่เสื้อเกราะ ใส่หมวกกันน็อกออกมาทำข่าว มันหดหู่ คิดว่า นี่มันในกรุงเทพฯนะ ตอนนั้นจะโทรคุยกับเพื่อนในสาย หรือรุ่นพี่ว่า ในแต่ละวันหัวหน้าจะส่งไปทำงานในจุดไหน ก็จะให้กำลังใจกันว่า ให้ระวัง ตัวนะ ทำงานกันทั้งกลางวันกลางคืน แต่ก็เสียใจที่ต้องมีคนมาเสียชีวิต มีทั้งช่างภาพต่างชาติต้องมาตาย ช่างภาพบ้านเราก็ถูกยิง ก็ไม่รู้ว่าจะไปโทษใครที่ทำให้เป็นอย่างนั้น เอ๋เป็นนักข่าวก็เสียใจไม่น้อยที่เห็นบ้านเมืองโดนเผา ธุรกิจได้รับความเสียหายจำนวนมหาศาล อยากภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเลย”สื่อสาวถ่ายทอดเรื่องราวร้อนประวัติศาสตร์ประเทศครั้งนั้น
ส่วนความคาดหวังที่อยากทำอะไรให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงในฐานะสื่อมวลชน เธอว่า อยากจะเสนอมุมมองให้ภาครัฐตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมให้มากกว่าปัจจุบันโดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรม ทั้งจุดเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ การโจรกรรมของแก๊งมิจฉาชีพ การต้มตุ๋นในหลากหลายวิธี รวมไปถึงปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด เราถือว่าเป็นกระบอกเสียงของประชาชนก็จะลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้าน หาสาเหตุของปัญหานั้น ก่อนจะสะท้อนปัญหา และเข้าไปแก้ไขให้ตรงจุด เพื่อให้สังคมสงบสุข และน่าอยู่มากขึ้น เช่นเดียวกับปัญหาแก๊งอาชญากรรม สื่อเองก็จะพยายามลงเจาะลึกถึงขบวนการ วิธีการหลอกลวง นำมาตีแผ่ให้สังคมระมัดระวังร่วมกันป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ ทั้งหมดทั้งปวงเราอยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุขเท่านั้น
สำหรับอนาคต เอ๋บอกว่า คิดจะทำงานสื่อต่อไป เพราะเป็นอาชีพที่เรารักมาตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันยังอยากหาธุรกิจอื่นเสริมควบคู่กันไปด้วย หากไม่ไปรบกวน หรือยุ่งกับงานประจำ เพราะต่อไปถ้าอายุเยอะแล้วคงจะมาวิ่งหาข่าวไม่ไหวแน่
ปัจจุบันเธอย้ายกลับรังเดิมไปอยู่ค่ายทีวีเดอะเนชั่นวิ่งสู้ฟัดกับสถานการณ์วิกฤติสื่่อในยุคโซเชียลครองเมือง