“ผมก็ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่สื่อมวลชนเคยกล่าวหา”

 

ผ่านเรื่องราวเป็นข่าวฉาวจนสังคมพากันมองภาพติดลบมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

วัน อยู่บำรุง ลูกชายคนกลางของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองคนดัง หมดโอกาสออกมาแก้ภาพลักษณ์ แต่วันนี้กำลังทำงานหนักเพื่อเตรียมตัวลงสนามการเมืองอีกครั้งตามความใฝ่ฝันของตัวเอง

“ผมซึมซับการเมืองมาจากคุณพ่อ” เจ้าตัวเปิดใจ “ผมตามการเมืองคุณพ่อ ตั้งแต่อายุ 17 พอพ่อเป็นผู้แทนราษฎรก็ตามเข้าไปที่สภา สมัยก่อน มีห้องสหประชาชาติ ปู่ชาติ ชาติชาย ชุณหะวัณ นั่งหัวโต๊ะ มีปู่มาณ ประมาณ อดิเรกสาร ท่านมนตรี พงษ์พานิช และคุณพ่อนั่งแถวเดียวกัน ผมจะคอยเสริมไวน์ให้ปู่ชาติ นวดขาให้ท่าน สนิทกับท่าน ก็ซึมซับ”

ทายาทอยู่บำรุงเล่าว่า ตอนพ่ออยู่พรรคความหวังใหม่ ไปหาเสียงอีสาน ก็ตามไปทุกจังหวัด ตอนนั้นยังไม่เข้าตำรวจเลย มาเข้าตำรวจปี 2538 เป็นพลตำรวจ ตำแหน่งลูกแถว ยังเรียนรามคำแหงอยู่ แต่สมัครเอาสิทธิไว้ก่อน พอจบแล้วก็อบรมเป็นนายตำรวจ ก่อนเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ถึงขั้นต้องออกจากตำรวจพร้อมพี่ชายกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วประเทศ

เขามั่นใจว่า ตกเป็นเหยื่อการเมือง เพราะผู้พ่อขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนหนึ่งที่เราได้เอกสารสำคัญมาจากผู้ใหญ่ทำให้รัฐบาลขณะนั้นสั่นสะเทือน “ผมเลยโดนย้อนศร ถูกงัดคดีที่ภูเก็ตบ้างมาถึงเรื่อง สด.43 จนต้องลาออกจากราชการ ผมก็สู้คดี พอผมชนะคดี ชั้นอัยการว่า ผมไม่ผิด อาจหาญ และวันเฉลิม ไปคัดทหารจริง ส่วนใบ สด.ที่ได้มา จะปลอมหรือไม่ปลอม อัยการเขียนขมวดท้ายไว้เลย ว่าให้ไปถามสัสดี ผมก็มีสิทธิกลับเข้ารับราชการ เขาก็ว่าจะคืนเงินเดือนให้ แต่เงินเดือนผมไม่เอา ผมขอยศ เพราะยศในรุ่นผม เป็น ร.ต.อ.หมดแล้ว เขาจะให้สตาร์ต ร.ต.ต.ใหม่ ผมเลยไม่เอาแล้ว”

สู้คดีกันนาน 4 ปี ตามเพื่อนร่วมรุ่นไม่ทันถึงตัดสินใจเล่นการเมือง ครั้งแรกปี 2554 ลงเขตหนองแขม ทวีวัฒนา วันยอมรับว่า ตอนนั้นก็รู้ว่า เราไม่ได้หรอก เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ มีเรื่องมีราวมา แต่ก็ได้คะแนนมากที่สุดในพรรคความหวังใหม่ ได้ 17,074 คะแนน แต่คนชนะเขาได้ 30,000 กว่าคะแนน ครั้งล่าสุดได้ 40,456  คะแนน ตั้งแต่ปิดหีบเลือกตั้ง เขตอื่นๆ จะมีรูปผู้สมัครระหว่าง 2 พรรค ระหว่างประชาธิปัตย์ กับเพื่อไทย ของเราตั้งแต่ปิดหีบยัน 4 ทุ่ม นำตลอด นับไปแล้ว 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ นำอยู่ 800 สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ช่อง 3 บอกเลยว่าปักธงได้แน่นอน แต่พอสุดท้าย บอกว่าเรื่องน่าประหลาด นับเสร็จหมดแล้วกลับแพ้

เมื่อไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า มีเหตุทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรรมการมีมติให้เลือกตั้งใหม่ แต่พอคดีถึงศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งกลับแพ้ ไม่ให้เลือกตั้ง ถึงกระนั้นก็ตาม วันบอกว่า ยังสนุกกับการเมือง เล่นการเมืองไม่รู้สึกเหนื่อย ครั้งแรกเป็นผู้ช่วยเลขาฯ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข แล้วเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ความรู้เยอะมาก ตำแหน่งสูงกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยซ้ำ

” แต่ผมอยากเป็นผู้แทนมากกว่า อยากได้อภิปรายในสภา อยากพูดเหมือนพ่อ ผมอาจไม่เก่งเท่าพ่อหรอก แต่ผมมีเลือดพ่อในตัว บ้านผม อยู่บำรุง คนรู้จักทั้งประเทศ เพราะท่านเฉลิม อยู่บำรุง วันหนึ่งต้องล้มหายตายจาก แม้ว่าผมไม่อยากให้พ่อ ล้มหายตายจากไป แต่คุณพ่อแก่แล้ว ปีนี้ 68 ย่าง 69 คงเล่นอีกรอบเดียวแล้ว ที่เหลือให้ผมสานต่อเล่นการเมืองไป ฝันนะว่า ถ้ารอบหน้า คุณพ่อยังเป็นอยู่ แล้วเราก็เป็นด้วย วันหนึ่งถ้าผมพูดในสภา ผมมั่นใจว่าสื่อมวลชนต้องจับภาพผม แล้วจับภาพคุณพ่อด้วย หวังไว้อย่างนั้น” ลูกชายที่ตั้งใจถอดแบบจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังบอกด้วยว่า พ่อไม่เคยสอน แต่ซึมซับมาตลอด ประวัติพ่อ ลูกทุกคนรู้ไม่เท่าเรา เราจะจำได้ตั้งแต่พ่อเป็นตำรวจ

ส่วนมรสุมที่ผ่านมาเยอะแยะ เขาระบายความรู้สึกว่า ตั้งแต่เด็ก เราคิดว่า พ่อเล่นการเมืองตรงไปตรงมา ไม่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ก็เลยมาลงที่เรา ถามว่าเรื่องมันมีจริงหรือไม่ มันมีจริงบ้าง แต่เราไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่ม “ผมไม่ใช่นักเลง ไม่ใช่จิ๊กโก๋ แต่พวกมาเฟีย จิ๊กโก๋ ต้องเรียกผมพี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋ ติดคุกหมดแล้ว ด้วยความที่ผมพวกเยอะ ผมรักพวก ไปเที่ยวเจอกัน 3 คน น้องหนุ่มมา แล้วพอพวกนี้ออกไปมีเรื่องอย่างนี้ ผมก็ต้องไปช่วย ผมโดนเตะโดนต่อยตั้งเยอะ แหม คนเที่ยว ไม่มีใครอยากมีเรื่องหรอกครับ”

เจ้าตัวเปิดอกอีกว่า วันที่พ่อเป็นฝ่ายค้าน อภิปรายรัฐบาลรุนแรงในสภา เราไปเที่ยว ถูกวางงานเลย เข้าไปสั่งเหล้ายังไม่มาเลย มีคนสะกิดมาต่อยแล้ว เคยร้องไห้นะว่า  เราทำให้พ่อเสียชื่อ แต่ญาติพี่น้องไม่เคยซ้ำเติม เพราะรู้ว่าเราไม่หาเรื่องคนก่อน แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ถือว่าเป็นชีวิตวัยเด็ก แต่ก็ขมขื่น ที่เขาไปพูดกันบอกว่า มึงรู้ไหม กูลูกใคร เราก็ไม่เคยพูดเลย ไม่มีหรอกครับ

“ตอนนั้นก็ไม่มีโอกาสแก้ข่าว และก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไปทำไม นิ่งอย่างเดียว ผมว่าใครก็ตามที่ไม่รู้จัก แล้วลองมารู้จัก จากที่ไม่เคยชอบ แล้วมาคุ้นเคยสนิทสนมกับผมนะ ผมว่าจะกลายเป็นรักผมมากกว่าเก่า เพราะเราเป็นคนตรงๆ จริงจัง พวกเยอะ ผมเคยเขียนแคปชั่นสมัยมีไฮไฟว์ว่า ผมก็ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่สื่อมวลชนเคยกล่าวหา ผมก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่รักเพื่อนพ้อง น้องพี่ พรรคพวก ผมยอมเจ็บปวดจากคนที่ผมรัก ก็คิดว่าสักวันหนึ่งสังคมคงจะเข้าใจ”

ทุกวันนี้ หนุ่มตระกูลอยู่บำรุงว่า พยายามทำงานหนักมาตลอด เพื่อปูทางลงการเมือง จะลงเลือกตั้งทุกครั้งจนกว่าจะชนะ และจะลงต่อไป ไม่ท้อ พ่อสนับสนุนเต็มที่ พี่ น้อง ก็สนับสนุนเต็มที่ เรา คือความหวังของพี่น้อง คือ ความหวังของตระกูล อยากฝากพี่น้องประชาชน เดี๋ยวจะเหงานะ ถ้าไม่มีอยู่บำรุง ในสภา ชีวิตปัจจุบันก็เลยวัยเที่ยวแล้ว นาน ๆ ไปที มีสังคมบ้าง ชอบแบบไปนั่งคุย หมดวัยแบบเสียงดังแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง

วีรกรรมเป็นข่าวลบที่ผ่านมา เขามองว่า สังคมยังไม่เข้าใจมากกว่า แต่วันหนึ่งต้องเข้าใจ ตอนนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น แต่เราก็ภูมิใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ตระกูลอยู่บำรุง ไม่เคยถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น เรื่องชกต่อยมันเรื่องลูกผู้ชาย พอมาถึงตอนน้องชาย โดนหนักมาก สงสารนะ เหตุเกิดมาจากที่เราไปเดินเหยียบเท้าเขา แล้วขอโทษเขา แต่เขาไม่ยอม แล้วน้องชายมันก็ไม่ได้ยิงจริงๆ “ไอ้ปื๊ด มีตัวตนจริงๆ นะ ผมยืนยัน แต่ผมโดนพ่อกับแม่บ่นตอนนั้นว่า ทำให้น้องติดคุก ผมแทบจะบ้า เพราะตอนนั้นพาน้องไปเที่ยว”

“ความจริง การเมืองเล่นผมตั้งแต่เด็ก แกล้งผมตั้งแต่เข้าสวนกุหลาบ” เจ้าตัวน้ำเสียงจริงจัง “ผมขมขื่นตั้งแต่เด็ก เด็กๆ ผมหัวดี เรียนดี พี่ชายสอบเข้าสวนกุหลาบได้แล้ว ส่วนผม ตอนเด็กๆ ผมเกลียดกางเกงสีน้ำเงิน พวกอัสสัมชัญก็เลยไปสอบเข้าสวนกุหลาบ ตามพี่ ประกาศชื่อมาไม่มีชื่อ ร้องห่มร้องไห้ คิดว่าทำไมกูโง่อย่างนี้วะ จะไปเรียนไหนวะ สุดท้ายพ่อให้ไปเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี กะว่ามัธยม 4 จะไปสอบใหม่”

อยู่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีถึงชั้นมัธยม 2 เริ่มปรับตัวได้ กำลังจะขึ้นมัธยม 3 พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย เลยบอก ร.ต.อ.เฉลิม ให้พาลูกชายไปเข้าสวนกุหลาบพบรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ แต่เขากลับปฏิเสธ  “เรื่องของเรื่อง ผมไม่อยากเป็นเด็กฝาก ไม่อยากเป็นแกะดำ ผมกลัวเพื่อนล้อ รองผู้อำนวยการบอกผมว่า เธอไม่ต้องคิดมากหรอก เธอสอบได้ตั้งแต่มัธยม 1 แล้ว แต่ผู้อำนวยการทะเลาะกับพ่อเธอ อาจารย์ยืนยัน เพราะอาจารย์เป็นคนดูคะแนนเอง คะแนนเธอดีด้วย แต่เขาไม่รับเธอ”

” ผมถึงกับร้องไห้เลย มันเกี่ยวอะไรกับกูวะ ผมขมขื่นนะ มาลงที่ผม เอางี้ดีกว่า บ้านผม อยู่บำรุง เรียนสวนกุหลาบ 6-7 คน เรียนตั้งแต่มัธยม 1 จนถึงมัธยม 6 กันหมด มีผมคนเดียวที่เรียนตอนมัธยม 3 แล้วมาออกตอนมัธยม 5 ตามคุณพ่อไปอยู่เดนมาร์ก ชีวิตผมเก็บกด กดดันมาตลอด ไปช่วยเขาก็ถูกยิง ถูกกล่าวหาเคยโดนเป็น 10 คดี ผมผิดจริงๆ แค่ 2 ครั้งเองในเรื่องที่ทะเลาะกับแฟนเก่า นอกนั้นไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย ไม่มีใครอยากมีเรื่องหรอก ชกต่อยกันเราก็เจ็บ แต่พอเป็นข่าวพวกนั้นมันให้ข่าวฝ่ายเดียว ผมก็เจ็บ” ทายาทนักการเมืองชื่อดังระบายความอัดอั้น

กับภาพลักษณ์ใหม่ในวันนี้ วัน อยู่บำรุง ปรับโฉมไว้หนวดวางมาดเข้มขึงขังพร้อมลงรับใช้ประชาชน เจ้าตัวบอกทิ้งท้ายว่า มีหมอดูทักว่า ไว้แล้วจะดี ประกอบกับที่ปู่ทวดเป็นกำนันตำบลบางบอนคนแรก แม้เราจะไม่เคยเห็นรูปท่าน เพราะปู่ทวดอายุสั้น ตายตั้งแต่อายุ 42 ปู่เราก็ยังเด็ก เราเข้าใจว่า กำนันยุคนั้นต้องมีหนวด พอหมอดูมาทักด้วยว่า  ถ้าไว้แล้วจะมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโต เหมือนคุณพระ คุณหลวง เพราะตำแหน่งเราเคยได้สายสะพายแล้วก็เท่ากับคุณพระสมัยก่อน เลยไว้หนวด กลายเป็นคาแรกเตอร์ติดตัวไปเลย

 

 

 

 

RELATED ARTICLES