อะไร คือ หลักประกันค้ำเก้าอี้คนทำงาน
เป็นคำถามที่ยากหาคำตอบถึงความชัดเจนจากผู้บังคับบัญชาในยุคปัจจุบัน เนื่องจากบางคนก็มาจากการ “วิ่งเต้น ใช้เส้นสาย” อาศัย “นาย” ขึ้นนั่งตำแหน่งทำเลทองด้วยเหมือนกัน
ตรงนี้ต่างหากที่ต้อง “ปฏิรูปองค์กร” เพราะเรื่องสะท้อนปากท้องผู้ปฏิบัติกระทบหน้าที่การงานแล้วยังเกะกะระรานลุกลามไปถึงครอบครัว
ลูกไม่มีที่เรียน เมียเคว้งคว้างเหงาใจ
มีไม่น้อยเกิดปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาด
ทำให้เมื่อเข้าใกล้ฤดูแต่งตั้งโยกย้ายคราใด หัวใจของเจ้าตัวถึงไม่ได้สั่นขวัญระทึกลำพัง
หลายคนเริ่มรู้ชะตา มีแนวโน้มว่า “ตีนลอย” ทันทีที่เกิดข่าวแพร่สะพัด ปรากฏเงาร่างของคนใหม่มา “แซะเก้าอี้” แถมได้ “นายดี” คอยหนุนหลัง จำเป็นต้องเข้าสู่วังวนยุทธการ “ฝุ่นตลบ” วิ่งวุ่นหาเข้าอำนาจประคองเส้นทางชีวิตราชการ
แฟ้มผลงานดีเด่น “ขั้นโบแดง” แสดงความสามารถไม่มีความหมาย
เป็นจุดเริ่มต้นความเสื่อมขององค์กรตำรวจ เป็นความเจ็บปวดยากเยียวยา ผู้มีอำนาจไม่กล้ายอมรับความจริง
ในเมื่อคนที่ตั้งใจทำงานเสียสละเพื่อประชาชน เอาจิตวิญญาณและอุดมการณ์แลกความสุขสบายของตัวเองแล้วดูเหมือนสูญเปล่า
แม้ “ระบบอุปถัมภ์” จะมีอยู่ทั่วทุกวงการในสังคมเมืองไทย ทว่า “ระบบน้ำลาย” ความหิวกระหายของ “นายไร้คุณธรรม” กำลังละลายทุกอย่าง ทิ้งขว้างให้กลุ่ม “ไร้เส้นสาย” ต้องตัดสินใจ “วิ่งเต้น” เพื่อเอาตัวเองขึ้นมาโดดเด่นในสายตาผู้มีอำนาจ
ไม่แปลกที่เห็นรุ่นน้องข้ามหัวรุ่นพี่ เห็น “ตำรวจน้ำดี” ย่ำต๊อกอยู่กับที่ไม่เจริญก้าวหน้า เห็น เพื่อนร่วมรุ่น ที่ร่ำเรียนกินนอนอยู่ด้วยกันมา ถือมีดจ้อง “แทงข้างหลัง” กัน
ลืมคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และธงชัย ณ ที่นี้ว่า …
“ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ
ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมเสียสละทุกสิ่ง ทุกอย่าง เพื่อระงับทุกข์ และบำรุงสุข ให้แก่ประชาชน ตาม หน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ข้าพระพุทธเจ้า จักปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดศีลธรรม เป็นหลักประจำใจ
ข้าพระพุทธเจ้า จักยึดมั่นอยู่ในวินัย และรักษาไว้ซึ่งระเบียบแบบแผนของกรมตำรวจ
ข้าพระพุทธเจ้า จักเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และจักปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความเที่ยงธรรม อย่างเคร่งครัด”
ด้วยเพราะวังวนของ “สภาวะตีนลอย” หลายคนจำต้องตาละห้อยหาหลักเกาะ !!!