เชื่อว่าอาชีพ “พิธีกร” ที่จัดรายการผ่านหน้าจอทีวี น่าจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพใฝ่ฝันของใครหลายคนในยุคสมัยนี้ อาจเป็นเพราะภาพจำที่เคยดูทีวีแล้วประทับใจพิธีกรคนนั้น ๆ ที่ทำหน้าที่ถ่อยทอดข้อมูลข่าวสาร สาระความบันเทิง ต่าง ๆนานา จนเกิดความประทับใจ และอยากเจริญรอยตาม
“เฟรม” สลิตา พรรณลึก พิธีกรและผู้ประกาศข่าวสาวมากความสามารถ อัธยาศัยดี แห่งสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีช่อง22 คือ หนึ่งในจำนวนนั้นที่ใฝ่ฝันอยากทำอาชีพพิธีกรหน้าจอทีวี สามารถเดินตามฝันได้สำเร็จ หลังจากจบการศึกษาปริญตรี นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขา วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
“เรื่องอาชีพที่ทำอยู่ตอนนี้ ถ้าบอกว่า นี่คือ ความฝันในวัยเด็ก ก็ดูจะโอเวอร์ไปนิด แต่มันคือเรื่องจริง ความคิดนี้ของเฟรมเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั่งดูรายการในโทรทัศน์ แล้วรู้สึกว่าพี่คนนี้สวยจัง ได้ไปเที่ยว แถมได้เงินอีกด้วย ดีจัง อยากเป็นแบบนี้จัง แต่ ณ ตอนนั้นต้องคิดเงียบในใจ เพราะทางบ้านของเฟรมรับราชการทหารกันหมดเลย ไล่มาตั้งแต่คุณปู่ คุณตา คุณลุง คุณอา คุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งตั้งแต่จำความได้ก็คลุกคลีกับเครื่องแบบทหารมาโดยตลอด เฟรมถูกเลี้ยงแบบแมนๆ เคยมีฝึกปูผ้าปูเตียงแล้วต้องโยนเหรีญให้เด้งด้วยนะ ไม่ต่างอะไรกับฝึกทหารเกณฑ์ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้บังคับว่าต้องมาเป็นทหาร แต่ก็จะมีคำพูดเสมอๆว่า แพทย์พระมงกุฎฯ ดีนะ ลองไปสอบดูไหม ไม่บังคับแต่พูดเป็นจิตวิทยา เพราะเฟรมจะได้ยินอะไรแบบนี้บ่อยมาก เหมือนพูดลอย ๆ แต่มีความจริงซ่อนอยู่ แต่ระหว่างนั้น เฟรมเองก็ทำกิจกรรมหลากหลายทั้ง นักกีฬา ดรัมเมเยอร์ เชียร์ลีดเดอร์ ที่ได้รางวัลระดับประเทศการันตี ท่านก็น่าจะพอรู้แล้วว่าเฟรมคงไม่เป็นดั่งท่านหวัง จึงหันมาส่งเสริมสนับสนุนในสิ่งที่ลูกอยากจะเป็น กระทั่งถึงเวลาเลือกคณะ เข้ามหาวิทยาลัย ก็บอกตรง ๆว่า น่าจะเป็นสายบันเทิง คุณพ่อเองก็เคารพในการตัดสินใจ แต่ยังอุตส่าห์ทิ้งท้ายว่า ทหาร กรมประชาสัมพันธ์ ก็มีนะ” พิธีกรสาวค่ายเนชั่นเล่าอย่างอารมณ์ดี สลับกับเสียงหัวเราะที่สดใส
เฟรม บอกว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัยยิ่งทำให้ชัดเจนขึ้น ที่จะก้าวเดินมาสู่หน้าจอทีวีอย่างที่ฝัน ข้อดีคือ มหาวิทยาลัยสอนในเรื่องการปฏิบัติสิ่งที่ควรรู้สำหรับนักสื่อสารมวลชนทุกประเภท ทำให้มีความรู้ความสามารถทำได้ตั้งแต่ pre – pro –post production และลองชิมลางงานจริงตั้งแต่สมัยเรียน ด้วยการเป็นทั้งตัวประกอบโฆษณา หนังสั้น สารคดี ก็ทำหมดทุกอย่าง เพราะคิดเสมอว่า นั่นคือ โอกาสที่เราได้ลงสนามจริงก่อนคนอื่น กระทั่งมาถึงวันที่ต้องเดินลงสู่สนามชีวิตจริง ก็กระจ่างชัดว่ามันยากกว่าที่คิด อาชีพแรกในชีวิต คือ ตำแหน่ง co producer ของรายการ ในช่องดิจิทัลเกิดใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ) แต่ระหว่างนั้นได้แสดงความสามารถที่มี เพื่อให้ผู้ใหญ่หลายคนได้เห็นว่าสามารถทำได้หลายอย่าง
“มีอยู่วันหนึ่งพิธีกรประจำรายการที่เฟรมเป็น co producer ไม่สามารถมาถ่ายทำรายการได้ และประตูแห่งโอกาสก็เปิดต้อนรับเฟรม เพราะในวันนั้นเฟรมไปกองถ่ายในฐานะพิธีกร ทั้ง ๆที่ตำแหน่งที่เฟรมทำงาน คือ co producer โอกาสในวันนั้นทำให้มีเฟรมในวันนี้ เฟรมสามารถคว้าตำแหน่งนั้นมาเป็นของตัวเองได้จนถึงปัจจุบันนี้ จะเรียกเฟรมว่า พิธีกรตัวแทน เฟรมก็ไม่โกรธ เพราะเฟรมถือว่า โอกาสเป็นของคนที่พร้อมเสมอและเฟรมก็เชื่อเช่นนั้นมาตลอด” เธอเล่าถึงความประทับใจในโอกาสแรกที่ได้รับ
หลายคนมีต้นแบบการดำเนินชีวิต หรือไอดอล เช่นเดียวกับที่เธอระบุว่า ผู้หญิงที่เป็นไอดอล มองทีไรแล้วรู้สึกว่าคนนี้เท่ห์จัง คือ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ผู้บริหารมากประสบการณ์ พอมีโอกาสได้พูดคุยกับตัวเป็น ๆยิ่งทำให้ทึ่งในตัวของผู้หญิงคนนี้มาก ๆ เพราะในแง่ของคนทำงานคุณศุภจี พร้อมที่จะกระโจนเข้าไปในปัญหาใหม่ๆ แล้วสะสางมันสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในแง่ของเจ้านาย คุณศุภจีเป็นผู้ที่ไม่ปล่อยผ่านอะไรง่ายๆ ถ้าอันไหนไม่ถูก ก็จะมีคำอธิบายให้กับผู้ร่วมงานเสมอ เป็นสิ่งที่ลูกน้องทุกคนโหยหา เพราะทำให้เราได้พัฒนาขึ้นจริง และเรื่องของครอบครัวที่เขายกให้เป็นที่หนึ่งเสมอ ถึงแม้จะมีตำแหน่งใหญ่ๆมาเสนอ ก็จะต้องขอคุยกับครอบครัวก่อน ฉะนั้นคุณศุภจี เป็น“Women can have it all” เพียงแค่แสดงให้เห็นกันไปเลยว่าฉันทำได้
ส่วนแง่คิดในการทำงานนั้น เฟรมบอกว่า การทำงานไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหน เชื่อว่าหลายคน หรือทุกคนจะมีคำว่า หมดไฟ แต่สิ่งที่จะทำให้เราไม่เหี่ยวเฉา แล้วทำมันแค่ให้ผ่านไปแต่ละวัน คือ การวางเป้าหมาย หรือ ออกไปหาเชื้อเพลิงมาเติมให้ไฟลุกโชนอีกครั้ง โดยส่วนตัวจะพยายามหาคอร์สเรียน อาจจะไม่ใช่ด้านสายข่าวโดยตรง แต่มันทำให้ได้ออกไปพบไปเจอคน(ข้างนอก)บ้าง เช่น คอร์สการแสดง ที่เฟรมสามารถปรับมาใช้กับการพรีเซนต์หน้ากล้องได้ คอร์สร้องเพลง ก็ทำให้เราเข้าใจการใช้เสียง คอร์สถ่ายรูปที่ทำให้เรานำมาต่อยอดได้ ด้วยการเปิดเพจพาท่องเที่ยว ตอนนี้สามารถกดตามได้ที่ facebookfanpage @oneday with famframe สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีพลังและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเป็นกองเลย
“ถ้าถามว่ามันมีช่วงเวลาที่ท้อไหม มันมีแน่อยู่แล้ว สำหรับสายงานนี้คำคอมเม้นท์ของคุณผู้ชมนั้นมีผลอย่างแรงต่อสภาพจิตใจ เพราะปัจจุบันมันเป็นการสื่อสารแบบ two-way ที่แทบจะตอบโต้กันได้ในทันที ถ้าวันไหนมีคำติในเชิงลบมา เฟรมถึงขนาดเคยร้องไห้แบบหนักมาก แต่ก็จะมีรุ่นพี่เก๋าๆคอยแนะนำให้เราปรับปรุง และบอกว่า ไม่มีอะไรที่ถูกใจคนทั้งโลก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณคำติเหล่านั้น ที่ทำให้เราได้เห็นข้อบกพร่องที่เรามองไม่เห็น และแก้ไขมันให้ดีขึ้นมาได้ มาถึงทุกวันนี้ก็แข็งแกร่งขึ้น เริ่มรับมือกับสิ่งพวกนี้ได้ “มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด” มองข้อด้อยแล้วปรับปรุง แต่ถ้าเป็นคอมเม้นต์ที่ไม่มีความหมาย เราก็มองข้ามๆมันไปบ้าง หรือหันไปอ่านสิ่งที่จรรโลงใจคนที่คอยซัพพอร์ตเรา มันก็ทำให้สบายใจขึ้นได้ค่ะ”
สำหรับมุมมองผู้หญิงสวยและเก่งของ เฟรม-สลิตา ระบุว่า ชอบผู้หญิงที่มีความมั่นใจ เพราะทำให้เรามองเลยรูปลักษณ์ภายนอกไปเลย เช่น แค่คุณเป็นคนอวบ แต่กล้าใส่ บิกินี เล่นน้ำทะเล แค่นี้ก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก หรืออย่างบางคนที่ดูเนิร์ดๆ ใส่แว่น แต่พอได้จับไมค์ร้องเพลงก็มีเสน่ห์ เพราะมันคือความมั่นในที่จะทำอะไรสักอย่าง และเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมี แต่บางทีอาจจะยังไม่ได้แสดงมันออกมาก็เท่านั้น แค่เริ่มจากความั่นใจทุกอย่างจะดีเอง ส่วนผู้หญิงเก่ง มองว่า “Women can have it all.”จัดการชีวิตได้อย่างลงตัว ไม่ต้องเป็นผู้บริหาร ไม่ต้องสอบได้ที่ 1 ไม่ต้องมีตำแหน่งใหญ่โต แค่ทำหน้าที่ของตัวไม่ขาดตกบกพร่องก็เก่งมากแล้ว
ทุกคนล้วนมีเป้าหมายหรือความสำเร็จในชีวิตที่วางไว้ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพิธีกรสาวคนนี้ เธอพูดแบบยิ้มแย้มว่า สำเร็จแล้วสำหรับความฝันในวัยเด็ก แต่ชีวิตเรายังไม่จบเราก็ต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้วางเป้าหมายในชีวิตจะตั้งเป็นไตรมาส เอาแค่เป้าหมายในระยะสั้น ที่อาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ เช่นตอนนี้ ตั้งเป้าว่า ยอดไลค์เพจต้องทะลุ 10,000 ภายใน 3 เดือน แล้วค่อยๆตั้งเป้าใหม่ จากนั้นไต่ระดับต่อไปเป็นขั้นบันได นั่นหมายถึงเป้าถูกผลักออกไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะคนเราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
“ผู้หญิงไม่ว่าจะยุคไหนก็คือคุณแม่ คือแม่ของลูก ที่เพิ่มมาก็อาจจะเป็นเรื่องของงานนอกบ้าน ที่สามารถหารายได้เลี้ยงชีพได้โดยไม่ต้องร้องขอจากใคร ส่วนเรื่องในครัวเรือนยังมองว่า ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ารักและมีเสน่ห์ ที่ผู้หญิงจะสามารถดูแลบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวให้เรียบร้อยได้ด้วยตัวเอง”