ความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจอยู่ตรงไหน
อยู่ตรงหัวใจพิทักษ์สันติราษฎร์ประกาศเป็นคู่อาฆาตโจรผู้ร้าย ผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือได้สวมเครื่องแบบสีกากีนั่งสุขสบายอยู่บนกองผลประโยชน์นอกระบบสร้างความร่ำรวยมหาศาล
ชอบในคำพูดของ ร.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงสุข หัวหน้านักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 70
“ต่อให้เป็นซุปเปอร์แมนก็ยังไม่ถูกคาดหวังมากเท่ากับอาชีพนี้เลยเชื่อไหม”
เขาเป็น “ผ้าขาวผืนใหม่” ที่ถูกปล่อยไปเช็ดล้างคราบความสกปรกของสังคม เผชิญคำชื่นชมและเสียงก่นด่า เมื่อถึงเวลา “ผ้าขาวผืนใหม่” ก็จะเริ่มสกปรกเปลี่ยนเป็น “สีเทา”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนผ้าขาวหลายหมื่นผืนในอดีต
อุดมการณ์ถูกย่อยสลาย
บางรายกลายเป็น “ผ้าสีดำ” นำพาความสกปรกไปสะบัดใส่สังคมเอง
น่าเสียดายที่สถาบันตำรวจมุ่งมั่นผลิตนายร้อยตำรวจให้มีคุณภาพเพื่อรับใช้ประชาชน ปกป้อง รักษาความปลอดภัย และให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย
“ต้องเป็นตำรวจที่คนดีรัก คนร้ายกลัว” พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจมอบโอวาทไว้กับลูกศิษย์ทุกคน
สุดท้าย มีไม่น้อย เดินหลงผิด คิดหลงทาง ไม่อาจก้าวพ้นวังวนจากสิ่งยั่วยวนที่ดำทะมึน ก้าวพลาดตกลงใน “หลุมลึก” ยากจะปีนขึ้นมาสู่ทางสว่าง
ตัวอย่างสะท้อนให้เห็นเป็นกระจกส่องจาก “รุ่นสู่รุ่น”
วัฒนธรรมการทำงานของตำรวจเปลี่ยนไป เพราะการ “วิ่งเต้น” แข่งขันกันมุ่งหน้าหา “ตำแหน่งอำนาจ” ที่ปราศจากความเป็นธรรม
ตัวอย่างแก๊ง “จ-อ-ก”
ได้ดิบได้ดี เชิดหน้าชูคอบนเก้าอี้ที่ปรารถนา ไม่สนเสียงเอือมระอาเพื่อนพี่น้องร่วมอาชีพ ผู้หลักผู้ใหญ่ยังหนีบเอาไปใช้ข้างกาย
ทั้งที่กำลังกดชนวนทำลายสถาบันตัวเอง
เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าของสำนักปทุมวันที่ใกล้ถึงวันเสื่อมศรัทธา
เมื่อวันเวลาพา “ผ้าขาวผืนนั้น” เลอะเทอะเปรอะเป็นสีดำ