เส้นทางมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ”   ตอนที่ 16 เป็นรองผู้กำกับ

 

บ่ายวันหนึ่งปลายเดือนกันยายน พุทธศักราช 2516

หลังปิดคดีฆ่าชิงรถบรรทุกที่ภาคเหนือ พันตำรวจตรีชลอ กลับไปสะสางงานที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก แต่ได้ไม่กี่วันมีคำสั่งด่วนจาก พันเอกณรงค์ กิตติขจร ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการตรวจและติดตามผลปฏิบัติราชการ(ก.ต.ป.) มาถึง

ชายหนุ่มนั่งอ่านคำสั่งที่ว่าอยู่ในห้องทำงาน

“ให้ผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก ตั้งด่านสกัดกั้นขบวนนักศึกษาจากจังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา ที่จะเดินทางเข้าไปสมทบกับนักศึกษาประชาชนในกรุงเทพมหานครและ……”

นายตำรวจหนุ่มรู้ว่า เวลานี้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจการบริหารราชการของจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  จอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้บัญชาการทหารบก และนั่งควบเก้าอี้อธิบดีกรมตำรวจอีก 1 ตำแหน่ง รวมทั้งพันเอกณรงค์ กิตติขจร ลูกชายจอมพลถนอม และลูกเขยจอมพลประภาส ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น 3 ทรราช

โดยเฉพาะพฤติกรรมพันเอก ณรงค์ ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการตรวจ และติดตามผลปฏิบัติราชการ (ก.ต.ป.)ที่มีอำนาจล้นฟ้า

ขณะที่กลุ่มนักศึกษาประชาชน เรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ และจัดการเลือกตั้ง แต่กลับมีการจับกุมผู้นำขบวนการจำนวน 13 คน ทำให้นักศึกษาชุมนุมประท้วงการจับกุมครั้งนี้ การชุมนุมดำเนินอยู่หลายวัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนามหลวง และถนนราชดำเนิน

แต่คำสั่งคือคำสั่ง เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งให้ตั้งด่านสกัดกั้น ก็ต้องดำเนินการ

“ช่วย….. คุณเตรียมกำลังสายตรวจ ตั้งด่านบริเวณสะพานมวกเหล็ก รอยต่อโคราชกับสระบุรี แล้วเชิญกลุ่มน้องๆนักศึกษาที่มากับขบวนรถบัส ที่จะมาถึงพรุ่งนี้ประมาณสาย ๆ เข้าไปพักผ่อนที่น้ำตกมวกเหล็กก่อน เดี๋ยวผมจะให้พินิจ ไปบอกลูกเมียตำรวจให้ทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงพวกเขา….”

ผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก สั่งการนายตำรวจในบังคับบัญชา

“ได้ครับพี่ลอ”

“ช่วย”หรือ ร้อยตำรวจเอกบุญช่วย ฤกษ์วิเชียร สารวัตรปราบปราม ตอบรับคำสั่ง ก่อนชวน “พินิจ”ร้อยตำรวจโทพินิจ  ศรีสรานุกรม รองสารวัตรสอบสวน นายตำรวจรุ่นน้องที่อยู่ในห้องทำงานของชลอ ออกไปปฏิบัติตามคำสั่งทีได้รับมอบหมาย

———————————————–

 

วันรุ่งขึ้น ขบวนรถบัสเกือบ 10 คัน ขนนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาหลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น และใกล้เคียง จอดนิ่งสงบอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกมวกเหล็ก ภายหลังพันตำรวจตรีชลอ และตำรวจมวกเหล็กตั้งด่าน และเอ่ยปากชักชวนให้เข้ามาพักผ่อนและทานอาหารที่ทางสถานีตำรวจจัดไว้ให้

บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี หลังทานข้าวปลาอาหารเป็นที่เรียบร้อย กลุ่มนักศึกษาจับกลุ่มเล่นดนตรี เนื้อหาเสียดสีรัฐบาลและความเป็นอยู่ของประชาชนที่แร้นแค้น โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาที่อยู่ในป่าในดง

ชลอรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง และเขาไม่สามารถสกัดกั้นขบวนของนักศึกษาเหล่านี้ได้

ไม่เกินเที่ยง ขบวนรถบัสนักศึกษาทั้งหมดจึงเคลื่อนตัวออกจากน้ำตกมวกเหล็กมุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร ตามเจตนารมย์เดิมของพวกเขา

โดยมีสายตาของนายตำรวจหนุ่มมองตามไปจนลับตา

ไม่ถึง 2 อาทิตย์ สิ่งที่ชลอคิดไว้ก็เกิดขึ้น

เมื่อการชุมนุมบานปลาย ประชาชนนับแสนคน ออกจากบ้านมาร่วมประท้วงกับนักศึกษา ขณะที่รัฐบาลส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์

วันที่ 13 ตุลาคม เกิดการปะทะระหว่างทหารกับผู้ชุมนุม ทหารเริ่มปราบปรามด้วยอาวุธ การปราบปรามอย่างรุนแรงดำเนินไปถึงวันที่ 14 ตุลาคม มีนักศึกษาและประชาชนตายไปเกือบ100 คน

หลังจากนั้นจอมพลถนอม ถูกกดดันจากกองทัพให้ลาออกจากทุก ๆตำแหน่ง เขาพร้อม ด้วยพันเอกณรงค์ กิตติขจร ลูกชาย และจอมพลประภาส จารุเสถียร ทายาททางการเมือง ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

14 ตุลาคม 2516 กลายเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองยุคใหม่ของไทย เพราะเป็นการลุกฮือของประชาชนเป็นจำนวนแสน ๆ คน เพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร

————————————————-

ปลายปีพุทธศักราช 2516

ผลจากการพิชิตคดีปล้นฆ่าชิงรถบรรทุก ประกอบกับขั้นที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะการถูกยิงได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับแก๊งโจรลักทรัพย์ที่มวกเหล็ก พลตำรวจโทวิทูรย์ ยะสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ เสนอชื่อปูนบำเหน็จไปยังพลตำรวจเอกประจวบ สุนทรางกูร อธิบดีกรมตำรวจ คนที่ 19 เลื่อนยศชลอ เป็นพันตำรวจโท ตำแหน่ง รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี

หลังได้รับคำสั่ง ชายหนุ่มเดินทางเข้ารายงานตัวกับพลตำรวจตรีประจันต์ พราหมณ์พันธ์ุ ผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 1 และ พันตำรวจเอกหม่อมราชวงศ์ รังษี ภานุมาศ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี นายตำรวจหนุ่มได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานปราบปราม คุมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ประมาณ 30 นาย

ส่วนลูกๆ ปู-ชนม์ยืน ปลา-กุมาริกา ลูกชายลูกสาว เขานำไปฝากให้สาวคนรัก “ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์”เลี้ยงที่บ้านในพระนครศรีอยุธยา  ส่วน กุ้ง-ชอบรบ ชลอพามาเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดลพบุรี

เมื่อหน้าที่ความรับผิดชอบเขาเพิ่มมากขึ้นตามตำแหน่งที่ได้รับ ชายหนุ่มศึกษาพื้นที่ต่างๆในเขตรับผิดชอบ โดยใช้เวลานั่งรถตะลอนไปตามอำเภอต่างๆ นอกจากจะเป็นการศึกษาพื้นที่แล้ว ยังเป็นการตรวจสอบมือปืน และกลุ่มโจรแก๊งต่างตามบัญชีเก่าไปในตัวด้วย

ชลอยังจับตากลุ่มแขกปาทาน ที่เริ่มแผ่อิทธิพลเข้าบุกรุกจับจองพื้นที่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ลำนารายณ์ ชัยบาดาล และโคกสำโรง แต่ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรง

เสร็จจากการตรวจพื้นที่หรืองานในหน้าที่แต่ละวัน ชลอไม่ลืมดูแลร่างกาย ด้วยการเล่นกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล

นอกจากจะชักชวนข้าราชการตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาเล่นฟุตบอลแล้ว ชลอยังเป็นตัวตั้งตัวตีจัดฟุตบอลแข่งขันกันภายในจังหวัด เฟ้นหาเยาวชนดาวรุ่งในจังหวัดเพื่อไปแข่งฟุตบอลในรายการต่างๆ

ส่วนหนึ่งเป็นการหาข่าวไปในตัวด้วย

อย่างไรก็ตาม พันตำรวจโทชลอ ได้รับการแต่งตั้งจากจังหวัด ให้เป็นประธานคัดเลือกนักฟุตบอลจังหวัด โดยเขาได้นักฟุตบอลฝีเท้าดี อย่าง รังสิวุฒิ ชโลปถัมภ์ สมคะเน สุภาพ จากการคัดเลือกและซ้อมกันภายในสนามกีฬาประจำจังหวัดลพบุรีนั่นเอง

——————————————-

ในบรรดามือปืนเมืองลพบุรี “เสือเม่น ”เป็น 1 ในบรรดามือปืนตัวฉกาจที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด

เข้าทาง พันตำรวจโทหมาด ๆอย่าง ชลอ เสียเหลือเกิน

เพราะสไตล์การทำงานของพันตำรวจโทชลอ เป็นไปอย่างถึงไหนถึงกัน ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้คุมงานอาชญากรรม มีเหตุที่ไหน ชลอ ไปที่นั่น เป็นที่รู้กันของตำรวจลพบุรี

เมื่อพลิกแฟ้มประวัติ ไอ้เสือเม่น คดีที่อุกอาจเหิมเกริมที่สุดเท่าที่มีพยานหลักฐาน นั่นคือคดีรับจ้างยิงนายทหารยศพันโท เสียชีวิตคาบ้านพักในตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี กลางวันแสกๆ

ล่าสุด “เสือเม่น”ขี่รถจักรยานยนต์แหกด่านตำรวจที่อำเภอพัฒนานิคม กลางดึก แถมยิงตำรวจเจ็บไปอีก 2 นาย

ชลอตั้งใจจะจับกุม ไอ้เสือเม่น ขุนโจรลพบุรี รายนี้ให้ได้ เพราะโมโหที่ไอ้โจรรับจ้างยิงคน มันหนีเงื้อมมือกฎหมายได้ทุกที

มันจะเก่งมาจากไหนวะ….ชลอรำพึง

จากการสืบสวนหาเบาะแสพฤติกรรมของ เสือเม่น  ชลอรู้ว่ามันมีเพื่อนวัยรุ่นเกกมะเหรกเกเร ในตำบลโคกตูม ชื่อ บุญรุ่ง หรือ“ไอ้เหน่” เขารู้จากสายมาว่า ไอ้เสือเม่น ค่อนข้างเชื่อใจเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับมันคนนี้

ไม่กี่วันต่อมา ไอ้เหน่ ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือนายตำรวจหนุ่มคนนี้ หลังเขาวางแผนให้ลูกน้องไปดักเอาตัวเข้าเซฟเฮ้านส์ ขณะมันกำลังจะกลับบ้าน

กุศโลบายหลายอย่าง ชลอ เอาออกมาใช้ หลังไอ้เหน่ ถูกผูกตามัดมือไพล่หลัง

“ไอ้สัตว์….มึงยิงพี่กูทำไม พวกมึงรู้จักป่าหวายอย่างกูน้อยไปใช่ไหม… ไปรับงานจากใคร….กูไม่เชื่อว่ามึงไม่รู้เรื่อง…..”

ถามคำ ผลัวะคำ….จนไอ้เหน่ ไม่ไหวคายข้อมูลทุกอย่างที่มันรู้

ชลอ และนายตำรวจหลายคนถึงกับตะลึง เพราะมันมีส่วนรู้เห็นในคดีของ ไอ้เสือเม่น หลายต่อหลายคดี

วันรุ่งขึ้น ชลอเข้าพบพันตำรวจเอกหม่อมราชวงศ์ รังษี ภานุมาศ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เพื่อรายงานถึงเรื่อง “ไอ้เหน่…”ที่ยังเก็บตัวไว้ในเซฟเฮาส์

“คุณชายครับ…ผมว่าต้องเล่นวิธีนี้ถึงจะเอาตัวไอ้เสือเม่นมาลงโทษได้….”

รองผู้กำกับตำรวจหนุ่มไฟแรงเอ่ยต่อผู้บังคับบัญชา

“เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องเล่นละครหลอกไอ้เหน่มาเป็นสายให้เรา…..”

“เอา..เอา…ยังไงก็ได้ น้องดำเนินการไปเลย มีอะไรติดขัดบอกพี่  เอาตัวมาให้ได้ เพราะมันก่อคดีไว้เยอะเหลือเกิน อายุอานามยังไม่เท่าไหร่ ไม่น่าชั่วถึงขนาดนี้…”

ชายหนุ่มยิ้มหลังผู้บังคับบัญชาไฟเขียว ก่อนกลับไปที่เซฟเฮาส์…..

—————————————–

สาย ๆวันรุ่งขึ้น ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี

ชายหนุ่มร่างผอมเกร็ง ถูกสิบเวร 2นายประคองปีก พาขึ้นไปพบพันตำรวจโทชลอ บนห้องทำงานชั้น2 ในสภาพหน้าตาบวมปูด ปากคอแตกยับ

เอ้า….ไปโดนอะไรมา นั่งก่อน

ชลอทักหลังไอ้เหน่ถูกนำมานั่งต่อหน้าเขา

“นายครับ…ผมชื่อเหน่ ชื่อจริงชื่อบุญรุ่ง บ้านอยู่โคกตูมครับ…นายช่วยผมด้วยครับ ไม่งั้นไอ้พวกทหารป่าหวายมันเอาผมตายแน่…..”

ไอ้เหน่ระล่ำระลักฟ้องนายตำรวจหนุ่มที่นั่งสงบอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม

“ผมถูกพวกรบพิเศษอุ้มไปซ้อมครับ มันบังคับให้ผมรับว่าไปยิงนายทหารพันโทพี่ชายมันตายเมื่อไม่กี่วัน…..”

“แล้วมึงไปยิงเขาหรือเปล่าละ…..”

ชลอทำทีถาม

“เปล่าครับนาย….ไอ้เม่น เพื่อนผมเป็นคนยิง มันเล่าให้ผมฟังทุกครั้งว่ามันไปยิงใครมามั่ง เวลามันทำงานเสร็จ มันจะหนีไปหลบอยู่ที่ถ้ำพระ และจะให้ผมซึ่งโตมาด้วยกัน ส่งข้าวส่งน้ำให้มันทุกครั้ง เพราะมันไม่เชื่อใจใคร….”

แผนอ่อยเหยื่อของชลอเริ่มเข้าเป้า ไอ้เหน่คายข้อมูลตรงกับที่อยู่ในเซฟเฮาส์ ก่อนถามด้วยท่าทีสงสัยต่อว่า

“แล้วมึงหนีหลุดรอดเงื้อมือทหารมาได้ยังไง…”

 

 

 

 

RELATED ARTICLES