รวบ 6 ผู้ต้องหา “อ้างโครงการหลวง” หลอกลงทุนกว่า 300 ล้าน

ตำรวจ ปอศ.รวบ 6 ผู้ต้องหา ทลายแก๊งแอบอ้างโครงการหลวง หลอกลงทุนเสียหายเกือบ 300 ล้าน ยึดของกลางรถหรู ที่ดิน มูลค่ากว่า 16 ล้าน

วันที่ 30 ม.ค.67  ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู่บัญชาการตำรจสอบสวนกลาง สั่งการ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผู้กำกับการ4กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมด้วย ม.ร.ว.รุจยารักษ์ อาภากร กรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ ร่วมแถลงผล การเข้าตรวจค้น 7 จุดในพื้นที่ กทม. ลพบุรี ฉะเชิงเทรา  สงขลา และ นครศรีธรรมราช นางชยาวรรณ อายุ 60 ปี ,นายวิโรจน์ อายุ 56 ปี ,นางพิชญา อายุ 27 ปี ,นายสิงขร อายุ 53 ปี , นายจารุเดช หรือเสกสรร อายุ 41 ปี ,นางไก่แก้ว (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พร้อมยึดของกลางกว่า 100 รายการ อาทิ เช่น สมุดบัญชี 54 เล่ม,รถยนต์หรู 3 คัน คอมพิวเตอร์ 17 เครื่อง,กระเป๋าแบรนด์เนม 5 ใบ,นาฬิกาหรู 2 เรือน,แหวนเพชร 1 วง ,กล้อง DSLR 5 ตัว ,เหรียญเฉลิมพระชนพรรษา 100 ชิ้น ,โฉนดที่ดิน 4 ฉบับ ในพื้นที่ จ.พัทลุง จ.สงขลา รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท

 

พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย.65 – ก.ค.66  นางชยาวรรณ ผู้ต้องหา ได้แอบอ้างเป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิภูบดินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ มีหน้าที่บริหารโครงการต่าง ๆ ประมาณ 28 โครงการ จากนั้นได้ชักชวนประชาชนทั่วไปตามสื่อสังคมออนไลน์ให้มาลงทุนในโครงการหลวง โดยเสียค่าสมาชิกแรกเข้ารายละ 75,000 บาท เพื่อรับผลตอบแทน 13 ล้านบาท ต่อหนึ่งโครงการภายในระยะเวลา 1 ปี และหลังจากนั้นจะได้รับเงินจาก หน่วยงานของรัฐอีก 50 ล้านบาทเพิ่มเติมอีกด้วย  นอกจากนี้ได้ชักชวนลงทุนอีกหลายรูปแบบ ซึ่งอ้างได้ค่าตอบสูงทุกโครงการ เช่นอ้างว่า บัญชีของโครงการหลวงถูกธนาคารล็อกไว้ ก่อนชักชวนสมาชิกลงทุนปลดล็อกระบบเงินในบัญชี เช่น ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 4 ล้านบาท  หรือ ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 5 ล้านบาท

พ.ต.อ.จักรกริช กล่าวว่าเบื้องต้นมีผู้เสียหายจำนวน 8 ราย หลงเชื่อร่วมลงทุน รวมเป็นเงินจำนวน 787,090 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดรับเงินปันผลก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงเริ่มสงสัยและตรวจสอบข้อมูลกระทั่งทราบว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมี นายจารุเดช หัวหน้าแก๊งอยู่เบื้องหลังทั้งหมด สั่งการให้ นางชยาวรรณ อดีต พนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง อ้างเป็น “นายใหญ่” ดูแล ประสานงานของมูลนิธิฯ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ต่างๆ อาทิเช่น กลุ่มแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง , โครงการในดวงใจ, หัวใจพระราชา เป็นต้น ซึ่งในไลน์กลุ่ม นางชยาวรรณ กับพวก จะส่งภาพถ่ายขณะประชุมงาน โดยแอบอ้างว่าเป็นการประชุมของมูลนิธิฯ บางครั้ง ก็แอบอ้างว่าเป็นการประชุมกับผู้ใหญ่รัฐบาลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

พ.ต.อ.กริช กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนกว่า 900 ราย หลงเชื่อโอนเงินให้ นางชยาวรรณ รวมเป็นเงินจำนวน  269 ล้านบาท  โดย นางชยาวรรณ ใช้บัญชีธนาคารของตนเองเป็นบัญชีรับโอนเงินลงทุนจากผู้เสียหาย ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีของ นางไก่แก้ว จากนั้น นางไก่แก้ว โอนเงินต่อให้ นายจารุเดช ก่อนโอนต่อไปยังบัญชีบริษัทต่างๆ ของตนเองอีก จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์และผลิตสื่อมีเดีย ,บริษัทเพลง ,บริษัทผลิตเครื่องดื่มและเครื่องสำอาง จากนั้นนำเงินมาซื้อทรัพย์สินต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่กระจายกำลังตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 6 ราย พร้อมของกลางได้ดังกล่าว

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน ม.ร.ว.รุจยารักษ์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ เป็นองค์กรสาธารณกุลศล มีเจตจำนงค์ส่งเสริมสนับสนุนด้านการแพทย์ ศาสนา กีฬา และ ศิลปะวัฒนธรรมไทย มีการเชิญชวนบริจาคเพื่อนำเงินไปใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิฯ เท่านั้น ไม่ได้มีนโยบายชักชวนร่วมลงทุนทางธุรกิจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใด

พล.ต.ต.พุฒิเดช ยังฝากเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชนว่า พฤติการณ์ของคนร้ายที่หลอกลวงเหยื่อในหลายลักษณะดังกล่าว โดยให้ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยเสนอให้ผลตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด  ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า ท่านอาจกำลังถูกหลอก ควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการลงทุนทุกครั้งเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้

RELATED ARTICLES