ความสุขความภูมิใจในวันพระ

 

มีเรื่องราวของความบังเอิญเวียนมาบรรจบครบกันอีกครั้ง

พ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ตำนานมือปราบปืนดุอีสานใต้ ศิษย์เก่ากองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลพระนครเหนือสมัยวัยแรกรุ่นเล่าว่า วันมาฆบูชาปี 2563 ผ่านมา 4 ปีแล้ว ตอนนั้นถูกย้ายไปอยู่จังหวัดยโสธรห่างจากบ้าน 320 กิโลเมตร จำได้กลับมาบ้านที่โคราชวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563

วันนั้นวันพระใหญ่ตั้งใจตอนเย็นจะไปเวียนเทียนที่วัด ทำบุญ รำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย แต่มีเหตุ active shooter กราดยิงที่ห้าง Terminal 21 กลางเมืองนครราชสีมา

“ผมกับลูกน้องโคราชทีมงานเก่าๆ เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน ไม่กี่คนพากันปีนรั้วเข้าไปในห้างทำหน้าที่ First response team เพื่อช่วยประชาชนที่ติดค้างหลบภัยตามร้านค้า ห้องน้ำ ชั้นต่างๆ ช่วยคนออกมาได้หลักร้อยคนโดยไม่ต้องให้ใครสั่ง”

มันอยู่ในสายเลือดของพวกเรา ตำรวจบ้านนอกที่ทำงานอยู่ในเงามืดเพื่อรับใช้แสงสว่าง ทำตามสัญชาติญาณตัวเอง

เจ้าตัวบอกมีคนทักท้วงว่ามันอันตรายนะ แต่เราไม่สนใจพากันเข้าไป ชีวิตของเราอยู่หรือตาย เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง ทำงานให้บ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อยก็ทำมาแล้ว พวกเราก็รับผิดชอบกันเอง ดูแลกันเองตามประสาพวกเรามานานแล้ว

ก่อนวางแผนปิดล้อมกดดันคนก่อเหตุให้อยู่ในวงจำกัดแค่บริเวณในชั้นล่างของ foodland เพื่อไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนได้สะดวกทั้งห้างแล้วเจอใครยิงดะ ความสูญเสียคงมากกว่านี้

เมื่อคืบคลานเข้าไปถึงลูกน้องชวนลงไปยิงมันให้ตายกันเถอะเจ้านาย ผมบอกมันว่า กูเชื่อว่าพวกมึงทำได้ แต่กระสุนจากการปะทะอาจโดนประชาชนบริสุทธิในนั้น นายเขาคงกำลังวางแผนหาหนทางที่ดีที่สุดแก้ไขสถานการณ์”

ระหว่างนั้นเขาโดนคนร้ายระดมยิงใส่ ถูกรุมยิงใส่ไม่รู้จากทิศทางไหนบ้าง เพราะคิดว่าเขาเป็นคนร้าย จากการเสนอข่าวของสื่อที่เอามัน เอาเรตติ้งอย่างเดียว การควบคุมการสื่อสาร การให้ข้อมูลหรือการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติจึงมีความสำคัญมากที่ควรมาจากทีมบริหารเหตุการณ์ เพราะข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก วิกฤติการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเรานั้น อาจไม่ร้ายแรงเท่าสิ่งที่ฃ่อนอยู่ และจะตามมา ทั้งความตื่นตระหนกของสังคมที่รับรู้เหตุการณ์ หรือจะเกิดตามมาในภายหลังเมื่อเหตุการณ์สงบ

ผลกระทบต่อสังคม ทั้งศรัทธา ความเชื่อมั่น ต่อหน่วย ต่อภาพลักษณ์องค์กร แต่ในยุคโซเชียลที่คนเลือกจะเชื่อจะเสพสื่อจากช่องทางใดก็ได้ เป็นความท้าทายในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ “ผมถูกคนร้ายตะโกนด่าทอด้วยอาการสติแตก มีน้องคนนึงตะโกนด่าทอท้าทายกับคนร้ายจนเราต้องสั่งห้ามว่าอย่าไปยั่วยุให้คนร้ายโกรธเกรียวมากขึ้น อาจไปทำร้ายประชาชนที่ติดอยู่ คนเราเมื่อใช้อารมณ์มากเหตุผลจะน้อยลงเรื่อยๆ แปรผกผันกัน”

พ.ต.อ.ธรรมนูญจบหลักสูตรเจรจาต่อรองในภาวะวิกฤติ จบหลักสูตรพัฒนาศักยภาพหน่วยปฏิบัติการพิเศษของนเรศวร 261 เป็นหัวหน้าได้รหัส 01 เคยผ่านวิกฤติการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่หลายครั้ง แต่เหตุการณ์ในวันนั้นระหว่างเดินผ่านร่างผู้เสียชีวิตหลายราย “สัญชาตญาณสันดานดิบ” ของมนุษย์มันผุดขึ้นมาในใจ ให้พร้อมที่จะใช้อาวุธปืนในมือเข้าประหัตประหารกันกับคนก่อเหตุจนลืมเรื่องเจรจาต่อรองที่เรียนมาเพื่อยุติสถานการณ์แบบสันติวิธีไปเลย

รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 บอกว่า การฝึกฝนทบทวนต่อเนื่องเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับพวกเราทุกคนที่จะต้องปฏิบัติไปตามระบบขั้นตอน ในวิกฤติการณ์ครูฝึกค่ายนเรศวรเคยสอนว่า มันจะมั่ว แต่จะมั่วแบบมีหลักการและยุทธวิธี

ตีสามวันนั้นมีการปะทะกันหนักหน่วง

“ผมเห็นผู้หมวดตระกูล ทาอาษาหน่วยอรินทรราช 26 ถูกยิงเสียชีวิตต่อหน้าผม ขณะกระชับพื้นที่เพื่อช่วยประชาชนชุดสุดท้ายที่ติดในห้องเย็น และปะทะกันใกล้สว่างอีกครั้งจนดาบเพชรรัตน์ กำจัดภัยเสียชีวิตอีกและบาดเจ็บหลายคน พอรุ่งเช้าวันใหม่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาเท่าใดไม่รู้ รู้แต่ว่ามีแสงแดดยามเช้าค่อยๆสาดส่องเข้ามาในห้างที่มืดสลัวเนื่องจากระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากการปะทะต่อสู้กันตลอดคืน

เหมือนหนังแวมไฟร์ที่ฉากสุดท้ายร่างกายปีศาจร้ายจะมอดไหม้เป็นผุยผงด้วยอานุภาพแสงแดด

นึกสะท้อนใจวันมาฆบูชาปีนั้น เราเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐที่ต้องมาใช้ปืน เข้าประหัตประหารกันทั้งๆที่เราตั้งใจจะไปเวียนเทียน แล้วเสียงปืน  2 นัดก็ยุติเหตุการณ์วันนั้น จบด้วยชีวิต เลือดเนื้อ ความกล้าหาญเสียสละของพวกเราหลายนายและภาวะผู้นำในภาวะวิกฤติของผู้บังคับบัญชาหลายท่านทั้งที่เกษียณอายุราชการไปแล้วและยังอยู่ในราชการที่ท่านเติบโตอยู่ในขณะนี้

“ผมเดินถือปืนขึ้นบันไดเลื่อนมา สวนทางกับผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ นักข่าว สื่อมวลชนที่พยายามลงไปข้างล่าง แล้วนั่งลงกับพื้น ถอดปืน ใส่เป้สะพายหลัง น้องนักข่าวคนหนึ่งมาถามผม พี่อยู่ข้างล่าง foodland มาทั้งคืนใช่ไหม สภาพพี่มันได้เลย ขอถ่ายรูปหน่อย ผมโบกมือห้าม แล้วเดินออกมาขี่มอเตอร์ไฃด์ที่จอดไว้หน้าห้าง กลับบ้านนอน หลับเป็นตาย”

ไม่รู้เรื่องว่าเขาทำอะไรกันต่อ  วันเวลาผ่านมาคิดทบทวนยังเสียดาย ถึงเขาจะตะโกนด่าทอ ท้าทายกับเราแล้วส่งกระสุนปืนมาหาเป็นชุด แต่ถือว่ามีโอกาสที่จะได้สื่อสารกันเพื่อ active listening skill พัฒนาทักษะการรับฟังเพื่อเราวิเคราะห์ข้อมูลใช้ตัดสินใจส่งสารที่เหมาะสมให้กับเป้าหมายเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องจบด้วยความสูญเสียของอีกหลายครอบครัว

ผ่านมาถึงวันมาฆบูชา 2567 ปีนี้เขาเดินเข้าห้างเทอมินอลอีกครั้ง พอเท้าเข้าในตัวห้างเสียงโทรศัพท์ดังว่า มีเหตุหนุ่มพ่ายรักใช้อาวุธปืนบุกรุกเข้าบ้านคนรัก มีคนติดอยู่ในบ้าน กำลังปิดล้อมเจรจาต่อรองเกลี้ยกล่อมผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว

พ่อแม่มาพูดคุยผู้ก่อเหตุก็ไม่ยินยอม รองผู้บังคับการนับสืบรีบไปสมทบ หาข้อมูล ประวัติคนก่อเหตุ ผู้เกี่ยวข้องและสาเหตุ  ทราบว่า อกหักผิดหวังจากความรัก ไม่ใช่อาชญากรโดยสันดาน เขาอาสาขอเข้าไปเจรจา จากไกล ๆ จนขอเข้าใกล้ face to face

คนร้ายมีอาวุธปืนลูกโม่ .38 ยิงไปแล้ว 3 นัด น่าจะเหลืออีก 2-3 นัดในรังเพลิง เเอาอาวุธปืนง้างนก จี้หัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา พูดจาพร่ำเพ้อผิดหวังในเรื่องความรัก ด้อยค่าตัวเองจะฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ให้คนรักที่บอกเลิกราเห็นใจ

 น่าสงสารและน่าอันตรายพอๆกัน

“ผมพยายามสื่อสาร  ไม่ใช้โทรโข่ง เพื่อให้เขาได้ยินเสียงจากใจของผมจริงๆ ใช้สำเนียงเหน่อ ๆสุพรรณของผมนี่แหล่ะ เพื่อแสดงความห่วงใยและไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียในวันพระใหญ่นี้อีก” พ.ต.อ.ธรรมนูญเล่า

“ เขาถามผมว่า ถ้าตายตรงนี้ วันนี้แฟนเขาจะรู้ว่า ผมรักเขาไหม เขาจะเสียใจไหม ผมตอบว่า พี่ไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจไหม แต่พี่รู้ว่าแม่น้อง ผู้หญิงที่รักน้องที่สุด นั่งรออยู่ข้างหลังพี่นี่ เขาจะเสียใจที่สุดไปตลอดชีวิต  พี่อีกคนก็จะเสียใจ”

 เราจะตายอย่างไม่มีค่าเพื่อคนที่เขาไม่รักเราไปทำไม หลังเราตายเขาจะล้างเลือดตรงนี้ เอาโฃฟาไปทิ้ง ทำพื้น ปูพรม วอลเปเปอรใหม่ แล้วชีวิตเขาจะดำเนินต่อไป

“แต่แม่ของน้อง เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่เห็นลูกชายตัวเองตายไปต่อหน้า ครอบครัวของพี่ น้องชายพี่ป่วยเสียชีวิตในตอนเด็ก ๆนานแล้ว ทุกวันตอนเย็นนั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า พร้อมตากันในครอบครัว พี่ต้องเห็นแม่พี่ร้องไห้มาเกือบยี่สิบปี พี่เห็นมาแล้ว พี่ไม่อยากให้แม่เอ็งเป็นเหมือนแม่พี่  เอ็งคิดเอาแล้วกัน”

เจ้าหนุ่มนักรักนั่งคิดสักครู่แล้วบอกขอยิงระบายแค้นได้ไหม

ผมบอกเอาเลย ออกมาเอาปืนมาให้พี่แล้วพี่จะให้ยิง บอกเอ็งยิงเทวดา ๆ คงไม่มีมาแจ้งความจับเอ็งมั้ง เขาเดินเอาปืนจี้หัวตัวเองออกมาหน้าบ้าน ปากพร่ำบอกผม พี่ผมขอโทษๆ ผมนึกเอาแล้ว รถทัวร์ลงกูแน่ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้น น้องเขาเอาปืนชี้ยิงขึ้นฟ้านัดหนึ่ง แล้วโยนปืนทิ้ง เดินมาหาผมจะก้มลงกราบ บอกขอบคุณที่เตือนสติ ให้ข้อคิดที่ช่วยดึงสติกลับมา”

พ.ต.อ.ธรรมนูญโล่งอก ดีใจ ภูมิใจได้ช่วยชีวิตคนที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายกลับมาในวันมาฆบูชาปีนี้ ขออุทิศยกผลบุญทั้งหมดที่ทำวันนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรทุกผู้ ทุกตนได้รับผลบุญนี้ และขออโหสิกรรมด้วยเทอญ หวังว่าวันมาฆบูชาปีหน้า ขอให้ทุกคนคงได้เวียนเทียน ทำบุญ สุขกายสุขใจด้วยกัน

ไม่ต้องมีใครพ่ายมรสุมชีวิต กดดันจนต้องก่อเหตุร้ายแก้แค้นสังคมในวันมาฆบูชาเหมือนในปี 2563 และพ่ายรักจนสติแตกไปชั่วขณะจนก่อเหตุในวันมาฆบูชา 2567

“สี่ปีที่แล้ววันมาฆบูชา เทอร์มินอลปีนเข้าไปกับลูกน้องช่วยคนออกมาได้เกือบ 800 คน ตอนยังไม่มีหน่วยไหนมา มาฆบูชาปีนี้ช่วยคนจะฆ่าตัวตายได้อีกคน โคตรภูมิใจ วิสามัญคนร้ายมายังไม่เคยรู้สึกมีความสุขภูมิใจเท่านี้” นายตำรวจมือปราบระบายความในใจ

สุดท้ายก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ไม่กี่วัน ได้อ่านบทความดีๆ ของ BBC มีบางส่วนคล้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวขออนุญาตเอามาให้อ่านเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพื่อระวังป้องกันและเตือนสติตัวเองครับ https://www.bbc.com/thai/international-49499613

RELATED ARTICLES