อาณาจักรแห่งสัตว์ป่า

 

มีเรื่องเล่าของนายตำรวจหลังจากมีการสอบแข่งขันเพื่อติดวุฒิชิงตำแหน่งหัวหน้าโรงพัก

เขาบรรยายถึงกาลครั้งหนึ่ง ณ อาณาจักรแห่งสัตว์ป่า มีการจัดระเบียบพงไพรเพื่อให้เผ่าพันธุ์สัตว์ต่างๆ ได้อยู่รอดจากสภาพแวดล้อมใหม่ที่ภูมิอากาศแปรปรวนไม่แน่นอน

มีมติให้สร้างหลักสูตร เพื่อความอยู่รอดของบรรดาสัตว์ป่า จัดตั้งกระต่าย นก กระรอก ปลา เป็ด และปลาไหล เป็น คณะกรรมการหลักสูตร ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก “สุนัขจิ้งจอก” เจ้าป่าผู้ชาญฉลาดที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร

กระต่ายยืนกรานว่า การวิ่งจะต้องเป็นวิชาบังคับในหลักสูตร

ปลาบอกว่า วิชาว่ายน้ำจะต้องอยู่ในหลักสูตรเช่นกัน

นกบอกว่า การบิน คือวิชาการชั้นสูงต้องบรรจุในหลักสูตร

ส่วนกระรอกบอกว่า การขุดโพรงและการปีนต้นไม้ในแนวดิ่งก็เป็นสิ่งจำเป็น และเห็นว่าจะต้องบรรจุไว้ในหลักสูตรด้วย

มีเพียง เป็ด และปลาไหลไม่แสดงความคิดเห็น เพราะคิดในใจว่า ทุกวิชามีความสำคัญต่อการมีชีวิตรอดพอๆกัน

ในที่สุดคณะกรรมการนำวิชาต่างๆมารวมเป็นหลักสูตรภาคบังคับ  ป่าวประกาศไปยังบรรดาสัตว์ที่อาศัยในอาณาจักรแห่งป่าต้องผ่านการฝึกอบรมและจำเป็นต้องสอบผ่านทุกวิชา “ตามกฎแห่งป่า”

ผลการปรากฏว่า กระต่ายที่เคยได้ “เกรดเอ”จากวิชาการวิ่ง มีปัญหาในการปีนต้นไม้ในแนวดิ่ง มันพยายาม ปีนขึ้นไปแล้วก็ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดหัวสมองของมันก็ถูกกระทบกระเทือนอย่าง รุนแรงทำให้ไม่สามารถวิ่งได้อีกต่อไปจากที่เคยโดดเด่นในวิชาการวิ่ง ตอนนี้มันกลับได้ “เกรดซี” และที่แน่นอนก็ คือ มัน “สอบตก”ในวิชาการปีนต้นไม้

นกที่เคยเก่งมากในวิชาการบิน แต่พอต้องเรียนวิชาขุดโพรง มันก็ทำได้ไม่ดีนัก จะงอย ปากของมันแตก และปีกของมันหัก ไม่ช้าไม่นานมันก็ได้ “เกรดซี” ในวิชาการบิน และได้เอฟ คือ “สอบตก”ในวิชาขุดโพรง แล้วมันก็ประสบปัญหาในวิชาว่ายน้ำ

สัตว์ที่สามารถผ่านหลักสูตรนี้ได้กลับกลายเป็น “เป็ด” สามารถสอบผ่านทุกวิชาได้ แบบครึ่งๆกลางๆ และมันก็ทำให้ผู้อำนวยการหลักสูตรและคณ มีความสุขที่ได้เห็นบรรดาสรรพสัตว์ได้เรียนรู้วิชาการที่หลากหลาย และภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้างตำนานคิดค้นหลักสูตร “เดรัจฉานวิทยา”

ต่อมาไม่นานนัก เมื่อ “สุนัขจิ้งจอกเฒ่า” หมดวาระการเป็น “เจ้าป่า” ด้วยความชราที่มาพร้อมกับ อาการอัลไซเมอร์ ทำให้มันชอบงับหางตัวเองอยู่บ่อย ๆด้วยหวาดระแวงจะถูกลอบทำร้ายจากสัตว์อื่นๆ เหมือนธรรมชาติลงโทษ

เนื่องจากช่วงที่มันครองอำนาจ มักใช้เล่ห์เหลี่ยม “ข่มเหงรังแก” สัตว์ในปกครอง จุดจบ “จิ้งจอกเฒ่าเจ้าป่า” ดูน่าอนาถ เพราะไปกระโดดงับหางตัวเองใกล้ๆกับ “รังแตน” เลยถูกฝูงแตนที่ตื่นตกใจรุมต่อยตาย

อาณาจักรแห่งพงไพรได้ผู้นำใหม่ คือ “เป็ด” สัตว์ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่าง แต่เข้าใจโลกและได้รับการยอมรับว่า รอบรู้ทุกสาขาวิชา  มีปลาไหล “สอบตก” ทุกวิชาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา เพียงเพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเป็ดมาแต่อดีต

เมื่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปรผันผวน ส่งผลให้สารพันธุกรรมในสัตว์ป่าเปลี่ยนแปลง สัตว์บางชนิดสูญพันธุ์และอ่อนแอลง เพราะ “ไม่รู้จักปรับตัว” หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ที่จะทำให้มีชีวิตรอด

สัตว์นักล่าอาจกลายเป็น “ผู้ถูกล่า”

สัตว์ที่ดูอ่อนแอแต่เก่งในการปรับตัวอาจมีชีวิตรอดรักษาเผ่าพันธุ์ต่อไปได้

ธรรมชาติวิถีแห่งอาณาจักรไพรยังคงดำเนินต่อไป

ตราบใดที่ดาวเคราะห์โลกยังไม่ถึงกาลอวสาน

RELATED ARTICLES