ชะตากรรมของ “ซาร่า” เป็นหมาที่น่าสงสาร
ตายเหมือนหมาข้างถนนหมกพงหญ้า เพราะสัญชาตญาณของสัตว์
มันไม่เคยคิดทรยศเจ้าของ แค่หวาดระแวงยายไปขยับจานข้าวจนต้องกระโจนขย้ำจมเขี้ยวเป็นเหตุให้ต้องถูกตะเพิดออกจากบ้าน
เมื่อไม่มีตาคอยดูแล “ซาร่า”โดดเดี่ยวไร้คนคุ้มครอง มองเป็น “หมาเลี้ยงไม่เชื่อง” แว้งกัดผู้มีพระคุณ มันถึงโดนกู้ภัยจับไป
หายไปหลายวันจนเป็นศพอย่างน่าสังเวชใจสำหรับคนรักหมา
แต่ชีวิตของ “ซาร่า” น่าจะดีกว่าหมาบางตัว
ถูกชุบเลี้ยงเป็น “หมาข้างขา” ประคบประหงมดูแลอย่างดีจน “อิ่มหมีพีมัน” แต่ยังมีความกระสันอย่างได้-อย่างมี อยากเป็น “จ่าฝูง” ตะกละตะกลามคอยคำรามหมาตัวอื่นที่เข้าใกล้เจ้าของ
มันเกิดเป็นหมาขี้ประจบประแจงใช้ลิ้นเลียแข้งเลียขาประจบสอพลอ ได้สมุน “ขี้เรื้อน” คอยเป็นขุมกำลังไล่กัดหมาตัวอื่น
หวงชามข้าวไม่ให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยว
เกิดเป็นหมาพันธุ์ประเภทกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
ชอบคาบ “อาหารเน่า” ไปกินนอกรั้วประสานความเฟะภายในบ้าน
เจ้าของหลายคนพากันส่ายหัวอุตส่าห์ชุบเลี้ยงให้เจริญเติบโต มีกินมีใช้ มอบอำนาจสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ใส่ “ปลอกคอ” ท้ายสุดหวาดระแวงแว้งกัดเจ้าของเป็น “แผลเหวอะว่ะ”
มันไม่เหมาะสำหรับเป็น “หมาเฝ้าบ้าน” เนื่องจากมีนิสัยชอบเกะกะระรานตามรังควานหมาในบ้านเป็นที่น่ารำคาญเจ้าของ
ดุด่าอย่างไรไม่ยอมฟัง
เจ้าของไม่กล้าตีมัน หวังว่าจะสำนึกในพฤติกรรม “เห่าไม่เลิก”
กระทั่ง “ชามข้าวสีเทา” ถูกคว่ำเอามาเป็นประเด็นพิพากษา “สมุนขี้เรื้อน” ยัน “ตัวจ่าฝูง” ยิ่งทำให้เกิดอาการ “น้ำลายสอ” อาละวาดฟัดกัดแหลก
กลายเป็น “หมาที่เลี้ยงไม่เชื่อง” เพราะดัน “กัดเจ้าของ”
ฝากสะกิดเตือนใครอยากเอามันไปเลี้ยงให้ระวัง
สักวันมันก็กัดเจ้าของอีก