เปิดปฏิบัติการ Lockdown the Cat ปิดประตูข้ามแดน ล้างบางสองเครือข่ายใหญ่ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมาทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผู้กำกับการ2กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมาทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กำกับการ3กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมาทางเทคโนโลยี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รายใหญ่ 2 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหารวมจำนวน 6 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับคดีแรก เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอท. ได้ทำการจับกุม นายเชน ยินไล (MR.CHEN YON LAI) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน และ นายอนันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี  สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริตโดยนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบฟอกเงิน” พร้อมของกลาง เงินสด 11 ล้านบาท, คอมพิงเตอร์ 2 เครื่อง, โทรศัพท์ 7 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 8 เล่ม, บัตรกดเงินสด 13 ใบ, รถยนต์ 5 คัน เครื่องนับเงินสด 1 เครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 42 ล้านบาท โดยจับกุม นายเชน ได้ ที่ บ้านหรูแห่งหนึ่ง ย่านถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ส่วน นายอนันต์ จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา

พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี 2566 ได้มีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการสร้างเว็บไซต์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกลวงเงินผู้คน โดยครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 5 ราย ก่อนจะขยายผลเรื่อยมา กระทั่งทราบว่า มีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ยังมีผู้ร่วมขบวนการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆอีกหลายราย โดยเฉพาะนายเชน กับ นายอนันต์ ผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัลที่ใช้ในการทำผิด และ คอยแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลให้กลายเป็นเงินสดเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายเงินของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 8 จุด แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 4 จุด, สมุทรปราการ 2 จุด ฉะเชิงเทรา 2 จุด และ นครราชสีมา 1 จุด จนนำมาสู่การจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว นอกจากนี้ยังทำการเชิญตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำอีก 5 ราย

พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน นายเชน กับ นายอนันต์ ให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้จากนายเชน พบว่ามีการใช้แอปพลิเคชันหนึ่งในการบริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหลายใบ มียอดเงินหมุนเวียนของกระเป๋ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท  รวมถึงมีข้อมูลตรงกับระบบรับแจ้งความออนไลน์ กว่า 30 คดี

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนทราบว่า นายเชน ถือเป็นกุญแจสำคัญของขบวนการดังกล่าว โดยจะทำหน้าที่ฟอกเงินแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอลเป็นเงินสกุลต่างๆ ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศกัมพูชา อีกทั้งตัวของ นายเชน ยังใช้ชื่อของบุคคลอื่นที่มีสัญชาติไทยในการทำธุรกรรมเพื่อซื้อและถือครองทรัพย์สินหลายรายการด้วยเงินสด อาทิเช่น  บ้านเดี่ยว 2 ชั้น, ที่ดิน, รถยนต์และทรัพย์สินมีค่าเครื่องประดับ อีกทั้งจากการตรวจสอบวีซ่าของ นายเชน ยังพบว่าเป็น วีซ่าประเภท อีลิท การ์ด แพคเกจแบบ 5 ปี และในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ยังพบภรรยาสัญชาติจีนของ นายเชน พักอาศัยอยู่ด้วยกันกับ ลูก 3 คน โดย นายเชน ได้ให้ภรรยาของตนจดทะเบียนสมรสกับชายไทยและให้ชายไทยคนดังกล่าวรับเป็นบิดาของลูกทั้ง 3 คน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ลูกที่เกิดมาได้รับสัญชาติไทยอีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่สอง เจ้าหน้าที่ได้จับกุมขบวนการลักลอบขนทีมงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามพรมแดนธรรมชาติ บริเวณ อ.อรัญประเทศ ประกอบด้วย นายเฉิน (Mr. Zheng)  อายุ 31 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” และตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของตำรวจสากล (Red Notice) ในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน ,  ร.ต.ท.อังคะ  อายุ 70 ปี อดีตตำรวจ , นายดาเล็ก อายุ 35 ปี และ นายซุ่น อายุ 31 ปี ทั้งสอง สัญชาติกัมพูชา  ตามหมายจับ “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรฯ”  โดยจับกุม นายเฉิน ได้บนทางหลวงหมายเลข 33 อ.เมือง จ.สระแก้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับได้ที่ตลาดโรงเกลือ ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์  กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ AOC: Anti Online Scam Operation Center กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้สืบสวนเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่ามีนายหน้าเข้าไปติดต่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.สระแก้ว ให้เปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์และเดินทางข้ามชายแดนไทยกัมพูชา เพื่อไปทำหน้าที่สแกนหน้ารับเงิน เมื่อมีเงินจากผู้เสียหายโอนเข้ามาที่บัญชีม้าและทำรายการโอนเงินให้กับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์  กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนพบว่า บุคคลที่ถูกว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีม้าเหล่านี้ จะเดินทางไปออกไปจากไทย ด้วยเส้นทางธรรมชาติบริเวณตลาดผลไม้ (ภายในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ) ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และยังพบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเดินทางออกไป เฉลี่ยวันละ 60-70 คน โดยมีนายทุนชาวกัมพูชาชื่อ “ดาใหญ่” เป็นผู้เก็บเงิน ครั้งละ 3,000 บาทต่อคนต่อครั้ง  นอกจากนี้ตรวจสอบพบอีกว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ชาวจีน ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ในการหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย

พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์  กล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์เรื่อยมา กระทั่งพบว่ามีกลุ่มชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เดินทางลักลอบเข้ามาในไทยผ่านเส้นทางดังกล่าวจริง จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสกัดจับนายเฉิน  ขณะกำลังนั่งรถรับจ้างเดินทางไป กทม. เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศลาว และจากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนพบว่า เป็นบุคคลที่มีการออกหมายจับของตำรวจสากล (Red Notice Interpol) และรัฐบาลจีนต้องการนำตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งในส่วนนั้นมีผู้เสียหายจำนวน 121 ราย คิดเป็นความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน

พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์  กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า นายเฉิน  มีหน้าที่ในวางแผนทางการเงินของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การจัดการองค์กรและการฟอกเงิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวส่ง สภ.เมืองสระแก้ว ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และผลักดันตัวคนร้ายเพื่อไปดำเนินคดีต่อในประเทศจีน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือพบว่ามีกน้าที่รับจ้างนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบเข้าประเทศกัมพูชา ทางช่องทางธรรมชาติ โดยคิดค่าหัวคนละ 3,000 บาท ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมาย จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัว นายดาใหญ่ ที่ยังหลบหนี มาดำเนินคดีต่อไป

RELATED ARTICLES