“ไม่เคยคาดฝันว่าเราจะมาเป็นนักข่าว”

 

ผู้ประกาศสาวแกร่งตาคม “ค่ายอัมรินทร์ทีวี” เพิ่งรับรางวัลสาขา “ผู้สื่อข่าวภาคสนามดีเด่น” ของสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยประจำปี 2566

“บี” ชมพูนุช ณ พัทลุง ชาวนครศรีธรรมราช จบมัธยมโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แล้วไปศึกษาต่อ ปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาไทย สาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

เจ้าตัวรับว่า สมัยเด็กไม่ได้มีความฝันอะไรเป็นจริงเป็นจังชัดเจน อาจด้วยความเป็นคนอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีอาชีพอะไรให้เห็นเยอะ นอกจากครูกับพยาบาล เวลามีคำถามจากโรงเรียนมักจะตอบว่า อยากเป็นครู หรือไม่ก็พยาบาลตามเพื่อน ทั้งที่ความจริงไม่มีความฝันว่าอยากเป็นอะไร

เหตุผลที่เข้ากรุงเทพฯมาเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาไทย เป็นภาษาไทยเพื่อการสื่อสารมวลชน บีเล่าว่า เหมือนเป็นจุดเริ่มต้น เพราะสมัยเรียนมัธยม ทำคะแนนภาษาไทยได้ดี ประกอบกับไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ถึงเลือกในจุดที่ตัวเราทำได้ดี  คือ ภาษาไทย แต่จะมีให้เลือก 2 สาขา เป็นวรรณคดี กับสื่อสารมวลชน มองว่า คงไม่ไหวทางวรรณคดี ทางนั้น ผิดกับสื่อสารมวลชนน่าจะมีติ่งๆ ที่พอได้เลยเลือกสื่อสารมวลชน

“ไต่มาเรื่อยๆ เรียนแล้วสนุกดี ได้ฝึกพูด ฝึกเขียนหลายๆ อย่าง เราก็ได้คะแนนดีเกี่ยวกับการพูด เลยคิดเอาเองว่าน่าจะมาทางด้านนี้” เธอว่า ก่อนมีโอกาสฝึกงานบริษัทบีอีซีเทโรของช่อง 3 แต่เป็นการฝึกประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่ฝึกนักข่าว ไม่ได้คิดด้วยว่า ตัวเองอยากจะมาเป็นนักข่าว ช่วงปลายก่อนจบมหาวิทยาลัย ยังคิดว่า อยากจะมาเป็นพิธีกร หรืออะไรที่ได้พูด

           เธอบอกว่า ได้ฝึกรายการที่ไม่ซีเรียส ไม่ได้เครียดมา ไม่ได้ดูงานเกี่ยวกับข่าว ทั้งที่เรียนสื่อสารมวลชน เรายังไม่ดู ไม่สนใจข่าว ไม่สนการเมือง ไม่สนอาชญากรรม ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากข่าวบันเทิง คิดว่า หากมาเป็นนักข่าวคงอยู่สายบันเทิง พอจบปริญญาตรีได้ไปสมัครไว้หลายที่ท่ามกลางการแข่งขันค่อนข้างสูง เน้นสายบันเทิง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะเลือกนักข่าวบันเทิงกัน ทำให้การแข่งขันมาก

เป็นจังหวะอัมรินทร์ทีวีเปิดช่องดิจิทัล บีตัดสินใจไปสมัครเลือกนักข่าวทั่วไป ไม่เอาบันเทิงแล้วถึงได้เข้ามาสังกัดตั้งแต่เปิดช่องจนถึงปัจจุบันกว่า 9 ปีแล้ว เธอมองว่า ได้ความรู้ ความประทับใจหลายอย่างในการทำข่าว “ไม่เคยคาดฝันว่าเราจะมาเป็นนักข่าว พอไปทำแล้ว บางอย่างเหมือนได้ช่วยคน เราไปทำปุ๊บ ชาวบ้านขอบคุณเราที่นำเสนอข่าวออกไป ทำให้ได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของสังคม เห็นความเดือดร้อน เห็นความลำบากของชาวบ้านที่เราไปช่วยเหลือ”

คนข่าวสาวอัมรินทร์ทีวียกตัวอย่างการเป็นสื่อช่วยกระจายข่าวตามหาคนหายไป ญาติร้องขอและเชื่อว่าเป็นศพไปแล้ว แต่ไม่เจอ ต้องไปอยู่ในพื้นที่เป็นเดือน มีการนำเสนอข่าวกระตุ้นหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยมากขึ้น ไม่ปล่อยให้ญาติโดดเดี่ยวลำพัง สุดท้ายประสบความสำเร็จ ญาติก็มาขอบคุณเราที่อยู่เบื้องหลัง เป็นความภาคภูมิใจของเรา

บียังแสดงความเห็นด้วยว่า  สื่อมวลชนมีผลต่อโลกในยุคปัจจุบันอย่างมาก ทำให้อยากทำข่าวไปเรื่อยๆ เพราะเราชอบ รู้สึกว่า เรามีแพสชั่นกับงานข่าว เมื่อก่อนไม่ได้คิดว่าจะทำ และคิดว่า คงไม่ได้อยู่นาน เพราะเหนื่อย หนัก อาชีพสื่อมวลชนไม่มีวันพักผ่อน เนื่องจากข่าวเข้ามาตลอด 24 ชั่วโมง เราไม่มีสิทธิที่จะบอกว่า เรามีธุระ ถ้าเกิดเหตุการณ์ใหญ่ สถานการณ์ใหญ่ต้องเตรียมพร้อมเสมอ

“พอทำไปเหมือนเป็นเสน่ห์ที่เราได้ไปอยู่ ณ จุดที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของทุกอย่างในประเทศไทย เราได้คุยกับคนที่ตั้งแต่ระดับสูงมากๆ เป็นผู้นำไปจนถึงคนรากหญ้า คุยกับคนหลายๆ คน มันก็สนุกดี ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างหลากหลายมุม” บีทิ้งท้าย

RELATED ARTICLES