อีกมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

โลกในสังคมโซเชียลทุกวันนี้ มีมุมมองที่เต็มไปด้วยอคติแบบไร้เหตุผล เอาอารมณ์ติดลบมาเป็นตัวกำหนดภาพที่เห็น

ก่อนเข็นมาแชร์ขยายให้ไปไฟลามทั่วทุ่งไซเบอร์

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่บางครั้งอาจผุดความเกลียดชังสร้างความบาดหมาง “ทำลายเครดิต” ไม่หยุดหย่อน

สะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นอยู่ในขณะนี้

น้อยคนจะมองภาพอีกมุมของนายพลมือกฎหมายในบทของผู้เป็นพ่อ

มุมที่ไม่ค่อยมีใครสนใจอยากจะเห็น

“บ้านผมไม่ได้เลี้ยงให้ใครอ่อนแอ” พ.ต.ต.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี ลูกชายของเขาเคยระบายความรู้สึกถึงพ่อ

พ่อที่เป็นต้นแบบตำรวจของเขา

ขออนุญาตย้อนเรื่องราวเด็กหนุ่มที่เจริญตามรอยผู้บังเกิดเกล้าอีกครั้ง เขาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 48 เลือกเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 64 ขอเลือกบรรจุลงเป็นพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ก่อนย้ายเป็นรองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จังหวัดยะลา

พื้นที่สมรภูมิรบนอกระบบสีแดงเข้ม

ถึงจะเป็นลูกนายพลระดับสูง แต่เขาเต็มใจทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขยับช่วยราชการงานสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหน้าที่รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการจังหวัดนราธิวาส

สวมเครื่องแบบนักรบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แอบอยู่ในเมือง

“พ่อผมมาส่งก็พูดว่า ข้าส่งเอ็งไปอยู่ ให้ไปอยู่ที่ลบสิบ ลูกชาวบ้านชาวช่อง เขาไปเริ่มกันที่ไหน เริ่มจากศูนย์ จะลบสิบ หรือบวกสิบ แล้วแต่ตัวเอง เอ็งเป็นลูกพ่อ ไม่บวกสิบก็ลบสิบแล้ว แต่จะไปเริ่มที่ไหน อยู่ที่ตัวเรา” นายตำรวจหนุ่มว่าถึงเหตุผลครั้งนั้น

อยู่สนามรบชายแดนด้ามขวาน ลูกชายรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า  ไม่ได้น้อยใจอะไร ที่บ้านสอนให้เป็นแบบนี้ แล้วแต่ชะตากรรม รอดก็รอด พ่อบอกเลยว่า คนแถวนั้นไม่ชอบขี้หน้าพ่อ มีแรงกดดันสูงจะได้รู้รสชาติว่า เป็นอย่างไร จะอยู่แบบไหน

เมื่อคนรอบโรงพักอยากตัดคอเรามากกว่าคุยกับเรา

“ผมไม่ได้ไปอยู่พื้นที่เป็นกระต่ายให้เขาล่า แต่เป็นเหยี่ยวไปโฉบงู ช่วยงานสืบสำคัญก็ชอบ พ่อไม่ได้ห่วง เพราะพูดตั้งแต่ตอนส่งไปอยู่แล้วว่า ให้เอาความภาคภูมิใจกลับมาสู่บ้านเรานะ หรือไม่ก็คลุมธงชาติกลับมาเลยลูก”

เขาว่า สิ่งที่พ่อสอน ทำให้แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจเหมือนเบ้าหลอมแรก กลั่นเราจากแร่เหล็กธรรมดาให้เป็นเหล็กกล้า

แต่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานสืบสำคัญ มันกลั่นจากเหล็กกล้าให้เป็นนวโลหะได้

นายตำรวจหนุ่มตระกูลรังสิพราหมณกุลมีโอกาสเรียนรู้ชีวิตติดดิน ไม่ได้กดดัน แต่รับว่า ด้วยความที่พ่อมีศัตรูเยอะ เราก็ต้องทำตัวดี ทำงานให้เขาเห็น

เราเกิดจากคนทำงาน ไม่ได้เกิดจากเกาะนาย หรือสายขาว ชีวิตเราเป็นแบบนี้ แสดงให้เขาเห็น ให้เขายอมรับ

“มันยากมากนะที่จะทำจากจุดติดลบสิบกลับมาอยู่ที่ศูนย์ได้แล้วก็กลับเป็นบวก 1 บวก 2 ได้ ผมมองว่า การใช้ชีวิตที่นั่น ทีมผมเหมือนครอบครัว คงทิ้งกันไม่ได้ ผมผ่านมาแล้ว ปะทะกันมาเห็นเพื่อนร่วมงาน ค่อยๆ ทยอยเป็นวีรบุรุษไปหลายคน”

“บางทีชีวิตผมก็ราคาถูกกว่าลูกน้องผม ลูกน้องผม มีลูก มีภรรยา เงินเดือนก็ไม่ได้สูง ค่าเสี่ยงภัยต่ำกว่าวันละ 100 หรือแค่ 3,500 ต่อเดือน ส่วนผมมีพ่อที่ดูแลแม่ได้ตลอดชีวิต และอยู่ตัวแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเลือดใครที่จะต้องหลั่ง ก็ขอให้เป็นเลือดผมดีกว่า สำหรับคนในทีมผมนะ”

เจ้าตัวว่า การทำงานอย่างนี้ต้องทำใจ ครูโรงเรียนนายร้อยตำรวจคนหนึ่งที่เสียไปแล้วบอกไว้ว่า คิดจะใส่ชุดนี้มันก็มีศัตรูอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าตำรวจก็ต้องมีโจรเป็นศัตรู

ทว่าโจรที่น่ากลัว ไม่ได้โจรที่มีรอยสัก แต่เป็นโจรใส่สูท น่ากลัวกว่าเยอะ

วันนี้คงเหมือนที่เขาเคยระบายความรู้สึกที่แบกรับไว้

“อยากให้พ่อผมเกษียณเร็วๆ เขาจะได้หายเหนื่อยซักที เขาไม่มีอะไรติดค้างสังคม แผ่นดิน หรือประเทศชาตินี้อีกแล้ว”

 

RELATED ARTICLES