โศกนาฏกรรมบนตาชั่งเมืองไทย…ใครผิด

หัวอกพ่อที่สูญเสียลูกชายแทบใจสลายใช้เวลานาน 2 ปีกว่าเพื่อรอการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเมืองไทย

สุดท้ายกลายเป็นเครื่องหมายต้องย้ำตีตราให้เขาตัดสินใจลาโลก

ถือเป็นโศกนาฏกรรมซ้ำรอยครอบครัว “ทัฬหสุนทร” ภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษา “ยกฟ้อง” นายณัฐพงศ์ เงินคีรี อายุ 19 ปี จำเลยคดีฆ่านายธนิต ทัฬหสุนทร อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

เหตุเกิดเมื่อช่วงสงกรานต์เดือนเมษายนปี 2559

  ทำให้ นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี ผู้เป็นพ่อรู้สึกผิดหวังไม่อาจทวงความเป็นธรรมให้แก่ลูกชาย กระทั่งขึ้นไปกระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร่วงลงมาเสียชีวิต

นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม รีบแจงรายละเอียดคำพิพากษาคดีดังกล่าว ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น กรณีเมื่อ 15 เมษายน 2559 เวลากลางคืน จำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทง นายธนิต ทัฬหสุนทร จนถึงแก่ความตาย บริเวณถนนประชาสังคมสงเคราะห์ 1 ดินแดง กรุงเทพมหานคร

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิด

คดีนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เพราะอยู่ระหว่างรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น

ทว่า พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏ ในชั้นศาลนั้นเห็นเเต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้

เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

ด้านตำรวจที่มองเป็น “ต้นธาร” ของกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้รื้อสำนวนเก่ามาทบทวน มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริง

หาข้อบกพร่องในสำนวนการสอบสวนที่เป็น “ช่องโหว่” ของพยานหลักฐานจนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดจริงตามที่เสนอสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ

ขณะที่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันว่า อัยการเจ้าของสำนวนสั่งคดีและฟ้องคดีไปโดยครบถ้วนทำหน้าที่ไม่มีข้อบกพร่อง ก่อนฆ่าตัวตาย นายศุภชัย ทัฬหสุนทรยังยกมือไหว้อัยการที่ว่าคดีอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ทั้งนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ที่ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยรับสำนวนตอนแรกเห็นแล้วว่าสำนวนมีข้อบกพร่อง ขาดภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะผู้ตายถูกทำร้ายแม้จะมีประจำพยานคือนายพีรวัชญ์ ปุตตะจินักษ์ อายุ 21 ปี เห็นเหตุการณ์เบิกความในชั้นสอบสวน

สุดท้ายพยานปากสำคัญปากเดียวกลับป่วยมีอาการทางจิต รักษาอยู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา พร้อมมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ไม่ได้มาขึ้นเบิกความให้ทนายฝ่ายจำเลยซักค้าน

สรุปยังไม่สามารถพิสูจน์พิษอาหารจานนี้ได้ว่า “ใครผิด” ระหว่างคนรวบรวมเครื่องทำอาหาร คนปรุง หรือคนชิม

ที่แน่ ๆ นางเรวดี ทัฬหสุนทร อายุ 50 ปี เมียผู้สูญเสียสามี แม่ผู้สูญเสียลูกชาย รู้สึกท้อแท้ถอดใจ บอกที่ผ่านมา ตำรวจให้ครอบครัวหาหลักฐานฝ่ายเดียว สามีต้องลาออกจากงานประจำเพื่อติดตามคดีและหาพยานหลักฐาน

หากไม่ได้รับความยุติธรรม ดิฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไร คิดว่าจะฆ่าตัวตายตามดีกว่า” เธอประกาศไว้

RELATED ARTICLES