เส้นทางแม่ทัพเมืองหลวง (5)

ด้วยความที่เป็นคนมีฝีมือ พอย้ายเป็น “พันเวรโรงพักบางซื่อ” ไม่นาน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ได้คืนความชอบธรรมจากผู้ใหญ่ที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง

ส่งเขาขึ้นเป็น รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี สู่ “สนามนักสืบ” อีกรอบ

เที่ยวนี้ไฟแรง “ร้อนวิชา” หยิบเทคนิคการสืบสวนของนครบาลไปผนวกผสมผสานใช้กับงานข่าวในวงการนักเลงที่ตัวเองคลุกคลีอยู่ พิชิตคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่รับผิดชอบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม

กวาดโจรเกลี้ยงทั่วเมืองโอ่ง

เข้าตา พล.ต.ท.บุญชัย ชื่นสุชน เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โยกมาเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7 ร่วมทีม “คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้กำกับหน่วย ตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามคลี่คลายคดีสำคัญมากมาย อาทิ ฆ่าหมอโรงพยาบาลทหารเรือทิ้งที่โพธาราม คดีชิงธนาคาร และงัดตู้เอทีเอ็ม

สร้างผลงานเด่น ทำให้ “อัศวิน ขวัญเมือง” เป็นผู้การกองปราบปราม ดึงตัวไปช่วยราชการกองปราบปราม ก่อนลงตัวจริงตำแหน่งรองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม ขึ้นเหนือล่องใต้ไปอีสานปั่นงานให้หน่วยปิดแฟ้มสารพัดคดี

ต่อมา ขยับขึ้นเป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 6 ก้มหน้าก้มตาทำงานข้ามวันข้ามคืนให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 หลายคน พิชิตคดีลอบวางระเบิดรถปิคอัพหมายสังหารพิรพล ปิ่มหทัยวุธ เจ้าของกิจการขายรถมอเตอร์ไซค์กลางเมืองนครสวรรค์ ทว่า ยุทธการ ปิ่มหทัยวุธ ลูกชายคนโตวัย 15 ปี ต้องมารับเคราะห์เสียชีวิตแทน มี ยุทธกร ปิ่มหทัยวุธ ลูกอีกคนวัยเพียง 12 ปีโดนสะเก็ดบึมตาบอด

เป็นคดีระเบิดแรกที่คนร้ายใช้รีโมต

แกะรอยหาชนวนเหตุนำไปสู่การจับกุมทีมสังหารยกแก๊ง นับเป็นตัวอย่างคดีที่เจ้าตัวรู้สึกภูมิใจมากที่สุด

กระทั่งสมัย พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ย้ายเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลยเรียกเขาข้ามห้วยไปนั่งเป็นผู้กำกับการสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองด้วย

แต่พอเปลี่ยนยุค ผู้เป็นนายถูกเด้ง เขาต้องกลับไปนั่งสืบสวนภาค 6 แล้วเป็นผู้กำกับการสายตรวจ 191 และขึ้นรองผู้บังคับการประจำสำนักงาน พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล นายเก่าอีกรอบ

จวบจนนายเกษียณอายุราชการ เขาถึงมีโอกาสกลับมาทำงานสืบสวนในตำแหน่งรองผู้บังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ ปฏิบัติ “ภารกิจลับ” อยู่เบื้องหลังแม่ทัพนครบาลหลายยุค แล้วข้ามคืนถิ่นถนัดเป็นผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7  เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7

โยกนั่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปีเดียว ต้องมารับบท “แม่ทัพเมืองหลวง”

เหลืออายุราชการเพียง 1 ปี พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น บอกกับลูกน้องทุกคนว่า เขาอยู่ง่าย ใครเคยอยู่กับเขา ก็พอเข้าใจ บางคนอาจบอกว่า ดุมากก็แล้วแต่ความคิด ยอมรับเป็นคนเสียงดัง

แต่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าดุ

อะไรที่สั่งลงไปแล้ว ถ้าทำไม่ได้ต้องชี้แจงว่าเพราะอะไร

“ไม่ใช่รับ ครับผม แล้วเงียบไป เมื่อถึงเวลามาบอกว่า ทำไม่ได้ ไอ้อย่างนี้ละครับ รับปากแล้วไม่ทำ แสดงว่าท่านไม่เจตนาจะช่วยผม”  

นี่แหละการทำงานตามสไตล์ของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES