“กี้รอและหวังอยากให้ลูกเป็นนายร้อย”

ห่างหายออกจากวงการมายาไปพักใหญ่เพื่อทุ่มเทเวลาในการเลี้ยงลูกดูแลครอบครัว

วันนี้ “วิกกี้” กันตา ดานาว กสิโสภา อดีตนางเอกสาวคนดังภาคภูมิใจที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 2 คนเดินเข้าสู่เส้นทางสีกากีรับบทผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เต็มตัว รอเพียงโอกาสก้าวต่อไปเพื่อคว้าดาวประดับบ่า

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน นักเรียนหญิงโรงเรียนนานาชาติลูกครึ่งไทย-ฟิลิปปินส์เข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบโฆษณานำพาเข้าค่ายกันตนา แสดงละครเรื่องแรก “ทิวาหวาม” ในบท “วันวิสาข์” คู่กับพระเอกทูน หิรัญทรัพย์ ที่ต้องไปถ่ายทำถึงประเทศอังกฤษ แจ้งเกิดเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่แฟนละครติดกันงอมแงม หลังจากนั้น มีผลงานในจอแก้วอีกมากมาย อาทิ เจ้าสาวในชุดสีดำ คุณแม่เพื่อนรัก ความรักของคุณฉุย ผู้การเรือเร่ ละอองดาว ทายาทอสูร

ด้วยความเป็นนางเอกวัยรุ่น เธอยังมีโอกาสไปโลดแล่นแสดงฝีมือบนจอเงิน แสดงภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง เช่น จะรักอยู่แล้วเชียว ไม่รักได้ไง บ้านผีดุ  ตี๋ใหญ่ 2 ก่อนคว้ารางวัลตุ๊กตาทองในสาขาผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง “ขยี้” ในปี 2534

ไม่นานเธอก็พบรักกับชายหนุ่มอารมณ์ดีอย่าง ภากร กสิโสภา นักธุรกิจที่มีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องของ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

วิกกี้รำลึกความหลังว่า รู้จักกันจากกลุ่มเพื่อน สมัยก่อนแม่เพื่อนเปิดผับอยู่สีลมพลาซ่า เราไปทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ส่วนเขามักมาเที่ยวอยู่ประจำ แต่ไม่สนิทมากมาย กระทั่งมาเจออีกครั้งที่สตูดิโอ 333 ย่านทองหล่อ เจอกันบ่อยขึ้น ถามว่ามาชอบกันได้ยังไงก็ตอบยาก คงเป็นเพราะว่า เขาเป็นผู้ใหญ่ บุคลิกเป็นคนสนุกสนาน เหมือนกับว่าเป็นคนมีเหตุมีผล เป็นผู้ใหญ่ที่เราปรึกษาได้เลยเริ่มสนิทขึ้น ไว้ใจมากขึ้น เขาเป็นคนเข้าใจคน มีเหตุผล

คบกันปีเศษ ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน นางเอกสาวเริ่มห่างออกจากวงการบันเทิงหลังจากท้องลูกคนแรก เจ้าตัวให้เหตุผลว่า ตั้งใจกับสามีไว้แล้วว่า ถ้ามีลูกจะเลี้ยงลูกเองอยู่แล้ว พอคลอดก็เลี้ยงเอง ลูกไปโรงเรียนก็ว่าจะรับส่งเอง ทำให้มีปัญหากับคิวละครถึงขอหยุดตรงนั้นไปก่อน พักนานไปนาน เพราะติดลูกไปรับไปส่งตลอด สุดท้ายยาวเลย พอไม่ได้เล่นละครก็เลี้ยงลูกอย่างเดียว เป็นแม่บ้าน เพราะมีนโยบายว่าจะเลี้ยงลูกเอง สมัยก่อนมีข่าวเยอะ เรื่องพี่เลี้ยง พยาบาล คนเลี้ยงเด็ก เคยมีคนเลี้ยงแล้วทำเด็กตกเราเห็นกับตาแล้วยังโกหก

“เมื่อก่อนมีข่าวพวกนี้เยอะ มัดเด็กบ้าง ปล่อยเด็กร้องไห้บ้าง กี้เลยวิตกจริต ตกลงว่าเลี้ยงเองดีกว่า พอถึงวันที่ไปโรงเรียนก็มีข่าวรถโรงเรียนชน กี้เลยขอหยุดทุกอย่าง เต็มที่กับตรงนี้ กับครอบครัว เพราะลูกคนที่สองก็ตามมาไล่กัน รับส่งทั้งคู่กันยันประมาณ ม.3 ถึงกล้าปล่อยให้เขาไปโรงเรียนเอง” กันตาว่าถึงลูกชายทั้งสองคน คือ นิกกี้-ส.ต.ต.ภูรินทร์ กสิโสภา ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสี่คิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และไมค์กี้-นสต.คณิน กสิโสภา นักเรียนนายสิบตำรวจศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3

กันตา เคยให้สัมภาษณ์สมัยคลอดลูกคนแรกว่า คลอดลูกครั้งแรกตื่นเต้น เพราะเป็นลูกคนแรก คนไม่มีลูกไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง ส่วน อนาคตของลูก แล้วแต่ เราไม่ได้บังคับ  คิดว่า ลูกคงไม่พ้นเป็นดารา เพราะเขาเห็นมาตั้งแต่เกิด พาไปอัดรายการหลายรายการ เขาชินกับกล้องแล้ว ถ้าเขาจะเข้าวงการเราก็แฟนก็ไม่ว่า อะไร

ทำไปทำมา ลูกชายกลับเลือกเข้าสู่วงการสีกากี เธอบอกว่า ที่ลูกทั้งคู่อยากเป็นตำรวจอาจด้วยมีแรงจูงใจวัยเด็กจากลุง กฤษฎา พันธุ์คงชื่น และลูกชายของท่านทั้ง 2 คน คือ พ.ต.ต.อุกฤษ พันธุ์คงชื่น และ ร.ต.อ.อภิชัย พันธุ์คงชื่น ลูกพี่ลูกน้องเป็นเพื่อนเล่นกันสมัยเด็ก ส่วนพ่อเขาก็สนับสนุน ถึงวางแผนให้เป็นตำรวจเจริญรอยตาม ส่งไปเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ก่อนหน้าเคยสอบเตรียมทหารแต่ไม่ติด เมื่อมีช่องทางก็เลยเข้าศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 มีพรรคพวกพ่อเขาอยู่ทางนั้นดูแลได้

“กี้ก็อยากให้เป็นนะ เพราะคุ้นเคยกับตรงนี้ สนิมกับครอบครัวพันธุ์คงชื่นมาก มีความรู้สึกว่าใช่ อย่างน้อยลูกรับราชการ เราก็ไม่ต้องเป็นห่วงลูกแล้ว เหมือนเป็นสเต็ปของพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาก็ให้เขาเรียนหนังสือ เรียนจบแล้วมีงานทำ ถ้าได้ทำงานตรงนี้เหมือนกับว่า ไม่ได้ต้องไปหางานอื่นแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับลูกว่า จะชอบหรือไม่ พวกเขาอายุยังน้อย อาจจะไปเรียนต่อปริญญาโทก็ได้ ถึงเวลานั้นอาจจะรู้ว่า ยังอยากเป็นตำรวจอยู่หรือเปล่า”

นักแสดงสาวลูกครึ่งบอกอีกว่า ถ้าอยากจะเปลี่ยนเป็นแนวทางอื่นก็แล้วแต่เขา เราแค่ปูทางให้เขามาตรงนี้ไว้ก่อน ตอนนี้ก็โอเค ผู้ใหญ่หลายคนเห็นด้วย คนพี่ก็มีฟีดแบ็กที่ดี มีเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตามมาสอบกันหลายคนเลย มุ่งมาสายนี้ เมื่อก่อนยอมรับว่า ไม่คิดเลยที่จะมาคลุกคลีแวดวงตำรวจ เพราะไม่รู้จักกัน อยู่กันคนละสังคม ตอนนั้นเหมือนยังวัยเด็ก ไม่ค่อยได้สัมผัสกับตรงไหนเลย อยู่ในวงสังคมฝรั่ง แล้วเข้าวงการบันเทิงเลย ไม่ค่อยได้รับรู้กับวงการอื่น พอได้สัมผัสมีความรู้สึกว่า ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ทำมาถูกทางแล้ว ถึงมองว่า ถ้าเป็นผู้ชายรับราชการไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวนี้งานหายาก คิดจะเติบโตในองค์กรเอกชนก็ลำบาก หนักกว่าราชการอีก

คุณแม่ยังสาวเชื่อว่า ลูกชายน่าจะอยู่ในอาชีพนี้ได้ คนที่ไม่มีญาติพี่น้องเป็นตำรวจเลยยังอยู่กันได้จริงๆ ทางครอบครัวของสามีจะสนิทกับท่านอธิบดีมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น และคุณหญิงวิจิตรา พันธุ์คงชื่นที่เป็นป้าแท้ ๆ ของสามี สามีเคยเล่าว่า เกือบได้เป็นตำรวจเหมือนท่านกฤษฎา แต่เขาไม่เอา หนี เหตุผลเดียว เพราะกลัวความสูง กลัวต้องกระโดดร่ม คุณหญิงบังคับให้ไปสอบก็ไม่ไป ทำไปทำมาลูกกลับมาสืบเชื้อสายเป็นตำรวจแทน นับเป็นความภาคภูมิใจสำหรับสามีและเรา

“กี้รอและหวังอยากให้ลูกเป็นนายร้อย อันนี้ คือ บันไดขั้นแรกที่ให้เขาไปสัมผัสชีวิตตำรวจ เพื่อให้เขาตัดสินใจว่า ชอบตรงนี้ไหม บางคนก็เห็นว่าชอบเป็นตำรวจ บางคนอยากเป็น เหมือนเพื่อนพ่อเขาบางคน พอเข้าไปแล้ว แต่อยู่ไม่ได้ เรื่องพวกนี้ต้องเข้าไปสัมผัสเองว่า ไหวไหม รุ่นพี่เขา โดนกดดันยิงตัวตายก็มี ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่า จะอยู่ได้หรือไม่ แต่ที่สำคัญ ท่านกฤษฎาลุงของเขาสอนไว้แล้วว่า ถ้าเป็นตำรวจ ก็ให้เป็นตำรวจที่ดี ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าใส่หัวของเขาทั้งคู่แล้ว”วิกกี้ว่า

ปัจจุบัน วิกกี้-กันตา ดานาว กสิโสภา เป็นผู้จัดการดูแลแผนกต้อนรับอยู่คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ สร้างครอบครัวอบอุ่นอยู่กับ ภากร กสิโสภา นายกสมาคมสโมสรฟุตบอลราชวิถี มีแนต-อาภาพรรณ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล ลูกสาวที่เกิดจากภรรยาเก่าพกดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลียร่วมสร้างสายใยสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องให้เกิดความรักความเข้าใจมากขึ้น

ถึงกระนั้นก็ตาม เธอกำลังกลับมามีผลงานละครลงจอโทรทัศน์อีกครั้งหลังห่างหายไปนาน ในเรื่อง “บ้านศิลาแดง” ของค่ายโพลีพลัส จ่อออกอากาศทางช่อง 7 สี วิกกี้เผยความรู้สึกว่า ตอนห่างหายไปก็ติดถึงบ้าง อยู่บ้านกลายเป็นแค่คนดู กลับมาเที่ยวนี้เล่นบทบาทเป็นแม่แล้ว ดีตรงเหมือนชีวิตจริง เป็นแม่มีลูกแฝดอายุ 17-18 ปี ละครที่ทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ประมาณว่า สามีภรรยามีลูกแฝด แล้วมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแย่งสามี ไล่เราออกจากบ้านแล้วแยกลูกเราไป บทเราค่อนข้างหนักเป็นคนต่างจังหวัดต้องหอบลูกไปทำสวน อยู่ในบ้านศิลาแดงเกิดเรื่องราวโดนกระทำ โดนกลั่นแกล้งตลอด

“มันอินมากขึ้น เพราะเราเป็นแม่คนแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทางโพลีพลัส เลือกด้วย เพราะเราเป็นแม่จริง อีกอย่างเป็นวัยที่น่าจะเหมาะสมของกี้แล้ว เพราะอายุเยอะขึ้น” นักแสดงสาวมากฝีมือว่า

 

 

 

RELATED ARTICLES