“ผมสาบานว่า ชีวิตนี้ผมจะไม่หวนกลับไปทำความชั่วแล้ว”

 

อมโจรแห่งตำนานเมืองไทยน้อยคนจะไม่รู้จัก ไข่หมูก มหาวายร้ายที่ประกาศท้าทายอำนาจเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

ทุกวันนี้ เจิม เส้งเอียด ในวัย 70 เศษถอดเขี้ยวเล็บเก็บเรื่องราวในอดีตไว้เป็นอุทาหรณ์สอนลูกหลานกลับไปพัฒนาบ้านเกิดจังหวัดพัทลุง

“ผมไม่หวนกลับไปเป็นคนชั่วแล้ว ผมจะอยู่ช่วยเหลือสังคมในสิ่งที่ช่วยได้ อดีตที่ผ่านมา มันเป็นบทเรียนของชีวิต” เจิมว่า  “ผมฆ่าคน ทำอะไรไว้ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำอะไรไปแล้ว ผมไม่เคยสบายใจ ติดคุกหลายครั้ง เข้านอก ออกใน แหกเรือนจำ 2 ครั้ง ไม่ได้ออกทางประตู ชีวิตมันถึงที่สุดแล้ว”

ครั้งหนึ่งสมัยติดคุกอยู่เรือนจำพัทลุง จอมโจรไข่หมูกถูกกดดันอย่างหนักจากผู้คุม จับขังเดี่ยว ล่ามตรวจ ผูกคอสารพัด เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงต้องทรมานเขาขนาดนั้น ทั้งที่มีหนังสือจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ดูแล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงเข้าไปเยี่ยมถามสารทุกข์สุกดิบ ทำให้ต้องระบายว่า ชีวิตคงจบแล้วคงตายในคุก

“ถ้าผมถูกทรมานอย่างนี้ ผมอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วผมก็ลั่นวาจาไว้ว่า ผมจะแหกคุก” เจ้าตัวเล่าวีรกรรมครั้งแรก มองว่า ชีวิตคนเราต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ว่าฯ ถึงกับทักว่า อย่าพูดอย่างนั้น สุดท้ายไข่หมูกประกาศไว้เจตนารมณ์ชัดว่าเว่า จะแหกคุกจนเจ้าหน้าที่เรือนจำพูดสวนมาว่า “ไอ้หมูกถ้ามึงแหกได้มึงกับกูต้องเจอกัน แล้วกูจะลาออก ถ้ามึงแหกเรือนจำได้”

หลังจากนั้น โจรเรียกค่าไถ่คนดังถูกจับขังเดี่ยว แต่ส่งจดหมายฝากผู้ต้องขังกองนอกไปขู่เรียกค่าคุ้มครองที่ทุ่งสง นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ได้รับจดหมายมาหาผู้บัญชาการเรือนจำเข้าถามว่า เขียนจดหมายจริงหรือไม่ เขาบอกว่า จริง เพื่อพิสูจน์ว่า มีความสามารถส่งจดหมายได้ ผู้คุมบางคนยังทรมานเขาไม่เลิก ตีตรวนหนัก  30-40 กิโลกรัม

อีก 4-5 เดือนต่อมาถึงเวลาดีเดย์ แม้จะถูกขังเดี่ยว แต่ความเด็ดเดี่ยวในตัวเองทำให้เขาวางแผนการหลบหนีตามที่เคยประกาศไว้ในคืนที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ติดต่อแฟนให้เอาใบเลื่อยเข้ามาก่อน อาศัยผู้คุมมัวแต่ไปดูถ่ายทอดตอนตีสอง เลื่อยตรวนออก ชวนสมัครพรรคพวกไปด้วย มีน้องชายอีกคนพร้อมตายด้วยกันหากแผนผิดพลาด

เขาเปิดกระเบื้องหลังคาคุกปีนออก เอาผ้าห่มทำเป็นเชือกไต่กำแพงไปออกป้อมด้านหน้า แยกย้ายกันน้องชายและเพื่อนบางคน ตัวไข่หมูกเดินเข้าป่าขึ้นเทือกเขาบรรทัด เช้าวันรุ่งขึ้นทราบข่าวบ้านญาติพี่น้องในพัทลุงถูกตำรวจล้อมเต็มไปหมด

หนีได้ 11 เดือนท่ามกลางตามล่ากดดันของเจ้าหน้าที่ เจิมเล่าว่า ให้น้องชายไปมอบตัว ส่วนเราจะมอบคนสุดท้าย แต่หนีไปถึงเชียงใหม่ ขึ้นรถไฟลงกรุงเทพฯ เช่าบ้านอยู่กับแฟนอยู่ได้ไม่นานต้องเปลี่ยนที่ ข่าวออกทุกชั่วโมงกับการตามล่าไข่หมูก บ่อยครั้งเจอตำรวจ แต่ตำรวจจำไม่ได้ หัวซุกหัวซุนหลบซ่อน ก่อนตัดสินใจจะเข้ามอบตัว เพราะอยู่ลำบาก ญาติพี่น้องโดนกดดัน

“ไปบ้านเมียอีกคนที่ร่อนพิบูลย์ เพราะลูกคนหนึ่งยังเล็กอยู่ เมียขอร้องให้มอบตัว ตำรวจประกบบ้านทุกหลัง ผมให้เมียต้มข้าวให้กิน คุยกัน 2 ชั่วโมง เมียอยากให้มอบตัวเพราะสงสารลูก ลูกจะได้มีพ่อ เช้าวันนั้นลูกตื่นมาพอดี วิ่งเข้ามาเรียกพ่อแล้วกอดผมแน่ คำพูดครั้งแรกของลูกว่า ให้พ่อกลับเข้าเรือนจำเถอะ ลูกจะมีพ่อเหมือนกับคนอื่น หัวใจผมจะวายเลย ก่อนหน้าผมประกาศว่า ผมจะไม่มอบตัว ผมจะยอมตาย แต่ลูกสาวบอกว่าให้พ่อเข้าไปอยู่เรือนจำ ลูกจะได้ไปเยี่ยมพ่อ ลูกจะมีพ่อเหมือนกับคนอื่นมันสะกิดใจ”

เขาเขียนจดหมายถึงแม่ทัพภาพ 4 ไม่ขอมอบตัวกับตำรวจ ยอมรับว่า ไม่ไว้ใจ นอกจากทหารที่มีความซื่อสัตย์ ไม่หักหลัง ให้เมียเอาจดหมายไปส่งแม่ทัพภาค 4 กลับมาบอกว่า ประมาณ 8 โมงเช้าทหารจะมารับตัว เอาเข้าจริงถึงเวลานัดมีกำลังเกือบร้อยปิดล้อมบ้าน แต่ฝ่ายทหารระบุแล้วว่า เป็นคำสั่งแม่ทัพอย่าไปแตะต้องบ้านเมียไข่หมูก ก่อนพาเขาขึ้นรถไปหาแม่ทัพภาค 4 กระนั้นก็ตาม เขาพยายามต่อรองขอเวลา 2 เดือนค่อยมอบตัวได้ไหม

ค่าหัวของไข่หมูกเวลานั้นราว 4 แสนบาทไม่ว่าจะเป็นหรือจับตาย รัฐบาลมีนโยบายเด็ดขาด กลายเป็นว่า จอมโจรตระกูลเส้งเอียดต้องหมดอิสรภาพอีกครั้ง มีการเปิดแถลงข่าวใหญ่โตที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง คนเป็นพันแห่มาดูหน้า

ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นกำเนิดไข่หมูกที่ถูกมองครอบครัวเส้งเอียดเป็นโจรกันไปหมด เจิมเล่าว่า ตอนนั้นอายุประมาณ 20 ปี พ่อจะไล่ออกจากบ้าน กลัวไปมีพฤติกรรมลักวัว ลักไก่ชาวบ้านเหมือนพี่ชาย ต้องไปอยู่กับป้า ส่วนเอียด เส้งเอียด น้องชายอีกคนติดคุกกำลังจะออกจากเรือนจำ นัดกับพี่ชายจะไปรับตัวตอนเช้า รอกระทั่งบ่ายไม่มา รู้ข่าวอีกทีมีคนมาบอกว่า พี่ชายถูกยิงตาย มีคนพาไปฆ่าทิ้งกลางทุ่งนาในอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง

เอาศพพี่ชายมาตั้งที่บ้าน เห็นภาพแม่กอดศพร้องห่มร้องไห้ ไข่หมูกบอกว่า สืบสาวราวเรื่องรู้ว่าน้าชายเป็นคนหลอกไปขโมยวัวแล้วยิงทิ้ง เจ้าของวัวจ้าง 3,000 บาท ตอนแรกพ่อไม่ทุกข์ร้อน เพราะเคยพูดไว้ว่า ถ้าลูกไปขโมยวัว ไปลักขโมย ปล้นจี้ ถูกยิงตายจะไม่เอามาเผา แต่พอเล่าให้พ่อฟังว่า พี่ชายถูกหลอกไม่ฆ่า เท่านั้นแหละพ่อเรียกให้น้องชายไปเอาปืนเตรียมไปแก้แค้น

“พ่อเรียกลูกมาหมดเลย บอกไอ้เอียด ไอ้ไข่ ไอ้ดำ ไอ้ขาวที่นั่งอยู่ต่อหน้าพ่อ ผมจำได้ว่า พ่อชี้ว่า ไอ้ไข่มึงสู้คนไหม ผมบอกสู้ ถามลูกทุกคน ตอบเป็นเสียเดียวกันว่า สู้กันหมด ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ตระกูลเส้งเอียดจับปืนยิงกัน ตามที่พ่อประกาศไว้กลายเป็นเรื่องทะเลาะกันสองฝ่าย อยู่ประมาณสัก 3-4 เดือน ผมก็แต่งงาน จัดพิธีบ้านพ่อ อีกฝ่ายติดประกาศว่า วันที่ไอ้ไข่แต่งงาน มันจะถล่ม แล้วปล้นเอาเงินขันหมากด้วย”

ไข่หมูกเล่าต่อว่า เดินแห่ขันหมากไป ถือปืนไป มีพวกคอยอารักขา มีพวกขี้ม้ามายิงปืนขึ้นฟ้าขู่ แต่ไม่กล้าเข้ามาในงาน ทำพิธีเสร็จต้องลงไปนอนข้างล่าง เพราะฝ่ายนั้นประกาศจะมายิงคืนนี้  เมียลงไปด้วยนอนร้องไห้ทั้งคืน ทำไมชีวิตเป็นอย่างนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เกิดเหตุร้ายขึ้นมาหลายอย่าง หลังจากนั้นเอียดน้องชายไปปล้นฆ่าเจ้าบ้านแล้วหนีเข้าป่าเป็นคอมมิวนิสต์สะสมกำลังมาถล่มฝ่ายตรงข้าม ก่อนกลับมาชวนวางแผนฆ่า ไม่สนจะมีอิทธิพลแค่ไหน

ต่อมา เจิม เส้งเอียดกลับมาทำนาทำไร แต่โชคชะตาพาให้เขาเผชิญวิบากกรรมตกเป็นผู้ต้องหาพัวพันคดีเรียกค่าไถ่ เพียงเพราะขับรถไปส่งพรรคพวกที่เป็นคนร้ายจี้ลูกเจ้าของร้านทองเป็นตัวประกันเพื่อเรียกเงิน 3 แสนบาท เขาได้เงินมา 7พันบาท ด้วยความที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หุงข้าวให้กิน 2 มื้อ ไม่ทันฉุกคิดเมื่อลุงเป็นผู้ใหญ่บ้านเตือนแล้วอย่าไปยุ่ง ระวังจะติดคุก

แค่ไม่กี่วัน ตำรวจบุกจับ ยิงลูกน้องตาย 2 ศพ ส่วนเขาไปแจ้งความตำรวจยืนยันไม่เกี่ยวข้อง ตำรวจบอกจะกันเป็นพยาน แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงมีคำสั่งให้จับทั้งหมด อ้างว่ามีส่วนให้ที่พักพิง อายัดตัวเขาเป็นผู้ต้องหา แทนที่จะกันเป็นพยาน ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต  แค่หุงข้าวให้ญาติกิน 2 มื้อ แต่คนที่ไปจับจริง ตัดสิน 25 ปี เพราะรับสารภาพ

“ผมประกาศต่อหน้าบัลลังก์ ชี้หน้าผู้พากษาว่า ถ้าตราบใด กูพ้นโทษออกมา มึงต้องตาย มึงตัดสินกู กูไม่ได้ผิด สู้คดีความกันถึงศาลฎีกาลดโทษเหลือ 8 ปี ออกมาคราวนี้  ไข่หมูกเริ่มเปลี่ยนสันดานเป็นโจรแล้ว เมียได้ผัวใหม่ ผมไม่รู้จะอยู่กับใคร มาบ้านพ่อก็โดนตะเพิดไม่ให้อยู่ บอกเดี๋ยวมึงก็ไปทำชั่วอีก อยู่ที่ไหนเรื่องของมึง จะไปตายที่ไหน เรื่องของมึง ผมแค้นมาก กดดันมาก ไปปรึกษาเอียด น้องชายที่กำลังเป็นหนี้เพราะติดการพนัน”

ผลงานจอมโจรไข่หมูกอุบัติขึ้นครั้งแรกด้วยการจับคนไปเรียกค่าไถ่ 1 ล้านบาท ขังไว้ที่กระบี่เป็นเดือนให้ตัวประกันเขียนจดหมายไปบอกแม่ ลูก เมียว่า ถ้าทุกคนรักตัวประกัน ขอให้รักคนที่เขียนจดหมายนี้ร้อยเท่าพันเท่า ส่งเงิน 1 ล้านบาท ขาดบาทเดียวตัวประกันตาย สรุปครั้งนั้นเขาได้เงินมา 1ล้าน 5 แสนบาท ตอนปล่อยตัวประกันถึงกับโผเข้ามากอดขอบคุณ

หลบไปอยู่ปัตตานีเอาเงินนี้ไปปล่อยกู้เอาดอกเบี้ย ได้ 4-5 เดือนได้ นอนไม่หลับ คำพูดที่พูดชี้หน้าผู้พิพากษาไว้ว่ายังไม่ลืมความแค้น วางแผนกับน้องชายจะไปจี้ผู้พิพากษามาเป็นตัวประกัน แต่ตามหาตัวไม่เจอต้องเปลี่ยนแผนไปจี้ผู้พิพากษาท่านอื่นเพื่ออยากประกาศให้สังคมรู้ว่า ผู้พิพากษาบางคน ไม่มีความยุติธรรม เช่นคดีไข่หมูก ญาติกินข้าว 2 มื้อ ตัดสินตลอดชีวิต

ชื่อเสียงของไข่หมูกเริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ถูกขึ้นบัญชีเป็นโจรจับคนเรียกค่าไถ่ เรียกค่าคุ้มครองในพื้นที่ภาคใต้ แต่ไม่เคยทำร้ายตัวประกันสักราย หากจับไม่ได้เงินตามแผนก็ต้องปล่อย  ส่วนคดีฆ่าคนตาย เขาสารภาพว่า ลั่นไกยิงเองกับมือ 32 ศพ ล้วนเป็นคนชั่วทั้งนั้น แต่ไม่เคยรับงานฆ่าใคร มีแต่เกิดจากความขัดแย้ง แล้วความขัดแย้งส่วนตัวไม่มี ที่ทำสมัยนั้น คือ คนชั่วไปขึ้นเมียชาวบ้านบ้าง ไปข่มขืนลูกสาวชาวบ้านบ้าง เราดักยิงเลย ไม่เคยติดคุกเรื่องคดีฆ่า ถามว่าทำไม เพราะไม่มีพยาน

จอมโจรเส้งเอียดย้ำว่า ทุกวันนี้เรื่องอดีตจบลงไปหมดแล้ว ยอมกลับใจเนื่องจากอายุมากแล้ว เราพ้นโทษออกมา เพราะพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานอภัยโทษ หลังจากพระอง์ท่านเสร็จสวรรคต ยังชวนเมียเดินจากบ้านป่าพะยอมไปกราบพระบรมศพถึงท้องสนามหลวง  “ผมสาบานว่า ชีวิตนี้ผมจะไม่หวนกลับไปทำความชั่วแล้ว เพราะว่า ชีวิตนี้ที่ยังอยู่มาได้ เพราะพ่อ เพราะในหลวง ผมจะไม่กลับไปทำอย่างในอดีต ผมอยู่ทุกวันนี้ อยู่อย่างปกติ  ไปช่วยรักษาป่าไม้ของน้องชาย ติดประกาศไว้ ใครตัดไม้ทำลายป่า ตาย ผมแค่ขู่ไปเท่านั้น ทุกอย่าง ผมทำด้วยความสมัครใจ ไม่ได้มีใครมาบอก ทำไปเพื่ออุดมการณ์ของผม”

“ ชีวิตผมมันเหลือน้อยแล้ว ที่ผ่านมาฝากเอาไว้เป็นบทเรียนอมตะ เป็นตำนาน  ใครพูดอย่างไร ทุกวันนี้อาจเอาชื่อไข่หมูกไปแอบอ้างเยอะ แต่โจรตระกูลเส้งเอียด ไม่มีใครแล้ว บรรดาโจรที่มีประวัติสมัยก่อนจะเรียกว่า ไอ้เสือ ขุน มหา แต่ของผมไม่มีหรอกจะมาเรียกว่า ไอ้เสือไข่หมูก ผมขึ้นว่า จอมมันก็ยอดสุดแล้ว ทว่าไอ้จอมนี้ มันจะเป็นจอมปลอมที่สังคมตั้งไว้ เราต่างหากรู้ดีว่าทำอะไรไว้” อดีตโจรกลับใจว่า

ทิ้งท้าย เจ้าตัวฝากข้อคิดว่า ถ้าเราทำอะไรแล้วไม่สบายใจ เราก็เป็นทุกข์ เหมือนเราไปฆ่าคนสักคนหนึ่ง ไปยิง แต่เราเป็นทุกข์ นอนไม่หลับ เพราะเราไปฆ่าเขาตาย แต่ถ้าเราไปทำสิ่งที่ดี คือ มีความสุข เราโกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้ จำไว้ด้วยว่า ชีวิตลุงไข่ คำว่า โจรพัทลุง โจรปักษ์ใต้ โจรทั้งประเทศ ไอ้เสือ ไอ้ขุนโจรตายไปหมดแล้ว มีแต่ไข่หมูกที่ยังอยู่

 

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES