“ใครจะพูดอะไร เราก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้”

ผ่านมรสุมมาหนักพอสมควร สำหรับ “หมอแอร์” พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล นายแพทย์ (สบ4)กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงขนาดต้องขึ้นศาลฟ้องร้องไฮโซสาวคู่กรณี

เธอเคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร COP’S ฉบับเดือนกรกฎาคม 2559 ภายหลังได้สามีเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายคอยเป็นกำลังใจให้ช่วยฝ่าฟันอุปสรรคพาทะยานพ้นขวากหนามด้วยเอานิยามของความรักเป็นตัวตั้งถึงใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้ในปัจจุบัน

เจ้าตัวยอมรับว่า ชีวิต 2-3 ปีที่ผ่านมา เจอมรสุมเยอะ ตอนนั้นช่วงที่มีเรื่อง ก็รู้สึกแปลกใจว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรใหญ่โต ที่มีคนให้ความสนใจ ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจ ส่วนตัวไม่ได้แคร์เท่าไหร่ แต่เป็นห่วงที่บ้าน เป็นห่วงครอบครัวมากกว่า ซึ่งแบบเราก็ยังยึดมั่นใจความดี ใช้ชีวิตอยู่ในทำนองครองธรรม อย่างนี้ ใครจะว่า จะใส่ร้ายยังไง เขาก็ทำได้แค่นั้น เราเป็นของเราแบบนี้ ใครจะมาว่าอะไรก็ช่างเขา

“แต่หมอต้องรู้จักปกป้องตัวเอง คือ การฟ้องร้อง ตอนแรกไมได้ฟ้อง แต่คู่กรณีไม่หยุด มีการก้าวล่วง บางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องจริง หมอเลยต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง เหมือนมันเป็นศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง แล้วเหมือนว่าเราเป็นข้าราชการอยู่ด้วย ทำงานให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาด้วย ถ้าเรายังปล่อยให้คนแบบว่ามาทำผิดกฎหมายต่อเรา คิดว่ามันไม่ใช่แล้ว” แพทย์หญิงคนดังระบายความในใจ

เธอว่า อยากให้เป็นคดีตัวอย่างที่คนในสังคมไทยได้เรียนรู้ เรื่องการให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่า ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ทำลายชื่อเสียง ในการใส่ร้ายกัน คิดว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะต้องเกิดขึ้นในเมืองไทย คนไทยควรจะรู้จักที่จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ปัจจุบันนี้ คดีก็ตามที่เป็นข่าว รอศาลตัดสิน แม้ว่า มีการไกล่เกลี่ยกันหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายไม่มีการสำนึกผิด และยังคงมีการกระทำผิดซ้ำๆ เราก็ต้องใช้คำว่า ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ให้กฎหมายตัดสิน ให้เป็นดุลพินิจของศาลไป

“เรื่องที่ผ่านๆ มา ส่วนตัวไม่ได้เครียด คิดว่า ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการไป ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดว่า อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ทำเพื่อสังคมนะ คือ อยากให้คนไทย เคารพสิทธิผู้อื่น ไม่กระทำผิดตาม พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ซึ่งจริงๆ ปัจจุบัน มีการกระทำผิดดังกล่าวเยอะมาก แต่อาจไม่เป็นข่าว ไม่ได้รับความสนใจ พอมันได้รับความสนใจมา ก็ไม่อยากให้มันเสียเปล่า คิดว่า ส่วนตัวก็จบ ไม่ติดค้างอะไร”

หมอแอร์สารภาพว่า ทุกวันนี้ทำงานตามปกติก็อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้ไปไหน มีช่วยธุรกิจของสามีบ้างที่หมู่บ้านเพ็ชรรัตน์ จังหวัดระยอง จะไปเสาร์อาทิตย์ ไปช่วยพ่อ แม่เขา ช่วยขายบ้านของหมู่บ้าน ถามว่า เจอกันได้อย่างไรหรือ เราไปเจอกันในงานเลี้ยงของผู้ใหญ่ ไปเจอกันแล้วมีคนแนะนำให้รู้จักกัน ความจริงไม่ค่อยอยากให้ลงเรื่องส่วนตัวเท่าไร ก็คุยกัน รู้จักกันเลยตัดสินใจคบกันแล้วก็แต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน ทำธุรกิจด้วยกัน หลักๆ ก็เป็นเขาทำ เราแค่ไปช่วย แต่หน้าที่หลักของเราก็ยังเป็นตำรวจ เป็นหมอจิตวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ

ตำรวจหญิงนักจิตวิทยาคนดังย้ำว่า ส่วนตัวเราก็มีชีวิตของเราต่อไป มองอนาคตครอบครัว คงไปเรื่อยๆ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ตอนที่คบกับสามี ก็เหมือนกับว่า มีคนพูดถึงสามีเราในทางไม่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลย หลายๆ อย่าง คือ เหมือนแบบ ใส่ร้ายเขา ใส่ร้ายเรา เรามีครอบครัวก็มาใส่ร้ายเราอีก อยากให้ทุกอย่างมันจบๆ ไป เราก็มีชีวิตของเรา ใครจะพูดอะไรส่วนตัวไม่ค่อยแคร์มาก

“หมอเองเป็นจิตแพทย์ ใครจะพูดอะไร เราก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ คิดแค่ว่า เราใช้ชีวิตแบบอยู่บนความดี แล้วก็อธิบายคนรอบข้าง คนในครอบครัวเราเข้าใจก็พอแล้ว ส่วนสังคมจะมองเรายังไงก็สุดแท้แต่ คิดว่า คนที่มีวิจารณญาณ คนที่มีความรู้จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนคนที่จะแบบว่า ได้รับข้อมูลมาผิดๆ แล้วก็เชื่อแบบผิดๆ ไป หมอคงไปห้ามเขาไม่ได้” พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ระบายความรู้สึกเมื่อครั่งยังติดยศ พ.ต.ท.กับเรื่องราวประเด็นร้อนที่ผ่านมา

ว่ากันถึงหนุ่มผู้ชนะใจแพทย์หญิงนักจิตวิทยาของโรงพยาบาลตำรวจ อธิษฐาน เพ็ชรรัตน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของหมู่บ้านพูลวิลล่า และคอนโดมิเนียนในเครือโคโค่ จ.ภูเก็ต หมู่บ้านเพ็ชรรัตน์ จังหวัดระยอง อีกทั้งเจ้าของธุรกิจโรงเลื่อยในไทย ลาวและพม่า เขาเล่าว่า เกิดที่จังหวะระยอง ครอบครัวทำกิจการโรงเลื่อย ทำวัสดุก่อสร้าง และหมู่บ้านจัดสรรใจกลางเมือง ทันทีที่จบบริหารธุรกิจจากประเทศนิวซีแลนด์ก็หันมาลุยธุรกิจของตระกูล

นักธุรกิจหนุ่มบอกว่า เริ่มตั้งต้นสานธุรกิจโรงเลื่อยที่ประเทศพม่า และประเทศลาวของพ่อแม่แล้วขยับไปดูแลหมู่บ้านจัดสรรที่ระยอง ทำให้มีประสบการณ์กไปลงทุนทำธุรกิจของตัวเองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จังหวัดภูเก็ตในเครือของโคโค่  ทำหมู่บ้านพูลวิลล่า ริมทะเล กำลังเตรียมจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า มองอนาคต คือ การจะขยายธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่รอจังหวะและโอกาสเท่านั้น

ส่วนเรื่องความรักกับหมอแอร์ เจ้าตัวยิ้มเผยเพียงว่า มีเพื่อนในแวดวงการเมืองแนะนำให้รู้จักกัน รู้ว่า เขาเป็นใคร แต่ไม่ได้สนอะไรตรงนั้น เพราะเราทำธุรกิจ แทบจะไม่ได้มีโอกาสเจอกัน ดูใจกันไม่นานก็คบหาก่อนลงเอยเป็นสามีภรรยากัน “ที่ตัดสินใจเพราะอะไรหรือ ผมว่า ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล คนเราจะอยู่ด้วยกันผมไม่ค่อยเชื่อนะเรื่องบุพเพสันนิวาส  ผมเชื่อเรื่องการตัดสินใจ มีเหตุผลมาประกอบการในการจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คอยดูแล ให้กำลังใจซึ่งกันและกันดีกว่า”

 

RELATED ARTICLES