ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลดทอนอำนาจ “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” หลุดพ้นจาก อาณาจักรโล่เงิน ที่นั่งคุมบังเหียนมานานกว่า 5 ปี
ตามที่ผู้นำประเทศประกาศกลางที่ประชุมแถลงนโยบาลรัฐบาล
“จากนี้เป็นต้นไปผมจะเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เจ้าตัวว่าไว้
โยนก้อนเค้กปลอบใจให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปดูแลรับผิดชอบกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานทรัพยากรทางน้ำแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบเหตุผลต่อสื่อมวลชนถึงเหตุผลเพียงสั้น ๆ
เพื่อแบ่งเบาภาระ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ถึงกระนั้นพลันที่มีคำสั่งมอบหมายอำนาจรองนายกรัฐมนตรีไม่กี่ชั่วโมง วันเดียวกัน ปรากฏบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ของ พ.ต.อ.ชัชวาล ปี่ทอง รองผู้บังคับการสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บังคับการสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ
ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำแหน่งเทียบเท่า
ขอเชิญร่วมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ครั้งแรก) วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.00 น.ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ระบุ เพื่อให้การต้อนรับเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติขอเรียนเชิญร่วมต้อนรับหน้าอาคาร 1
แต่ถัดมาไม่กี่ชั่วโมง กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องแจงข้อมูลผ่าน ไลน์สื่อตำรวจ กันวุ่น
“ตามที่ปรากฏข่าวสาร ว่าจะมีการประชุม ก.ตร. ในวันพรุ่งนี้(31 ก.ค.62)นั้น ขอเรียนว่าไม่มีการประชุมแต่อย่างใด ซึ่งหากจะมีการประชุมในวันใด จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป”
ท้ายที่สุด พิสูจน์ให้เห็นถึง “กงล้อ”ของสำนักปทุมวันที่เดินเครื่อง “ดีดรับ”ผู้กุมอำนาจทางการเมืองทันควัน
เสมือนวัฒนธรรมประเพณีที่อาจต้องมี “ผักชีเปลี่ยนสี” ของเหล่าข้าราชการประจำที่ไม่อาจสลัดจาก “กงเล็บ” อันแหลมคมของผู้บริหารประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ทัพปทุมวัน” ที่มีกำลังพลเกินกว่า 200,000 ชีวิต เนรมิตความหอมหวานที่นักการเมืองใหญ่อยากนั่งบัลลังก์ ครองเป็น “เจ้าอาณาจักร” ปักฐาน ท่ามกลางบริวารในเครื่องแบบสีกากี ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ล้วนหวังผลประโยชน์แอบแฝง
เป็นเวทีที่แค่เปลี่ยนบทนักแสดง เปลี่ยนมุมฉายแสงสาดส่อง “ตัวละครเอก” เสกให้ยิ่งใหญ่เหนือกองทัพตำรวจ
คือ ขวดใบเก่า แต่เอาเหล้ารสชาติใหม่เทใส่ให้ลองลิ้มเลีย
หวังว่าคงไม่ปล่อยให้กะลิ้มกะเหลี่ยจน “เละเป็นโจ๊ก” หมดท่าอีกนะท่านนายกฯ