ลูกผู้ชายหลายคนส่วนใหญ่ในวัยเด็กมักใฝ่ฝันว่าโตขึ้นอยากจะเป็นตำรวจ ทหาร อาจเพราะดูในหนังในละคร หรือเห็นการทำงาน เห็นการแต่งกายแล้วดูเท่น่าเกรงขาม หรือบางคนพื้นฐานครอบครัวเป็นตำรวจ มีปู่ มีตา มีพ่อ เป็นตำรวจ จึงซึมซับมาตั้งแต่เกิด ทำให้อยากดำเนินรอยตาม เสมือนหนึ่งลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เฉกเช่นเดียวกับ “ผู้หมวดเอิร์ธ” ร.ต.ท.พงศกร ขวัญเมือง รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ลูกชายอดีตตำนานมือปราบมากประสบการณ์ ปัจจุบันเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่าง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
นายตำรวจหนุ่มลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นคนนี้บอกถึงที่มาของการมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตามรอยผู้เป็นพ่อว่า จบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนทิวไผ่งาม เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และด้วยความที่เติบโตมากับครอบครัวตำรวจ เกิดความผูกพันอยากจะช่วยเหลือประชาชนให้ได้อย่างพ่อ และ พี่จึงมีความฝันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่จำความได้ ตั้งใจเรียนมาตลอด เพราะรู้ว่าการสอบเตรียมทหารนั้นต้องสอบแข่งกับคนจำนวนสองหมื่นกว่าคน และรับเพียง 500 กว่าคน รวม 4 เหล่าเท่านั้น ขณะที่พ่อและแม่ ไม่ค่อยอยากให้เป็นตำรวจสักเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะต้องมีชีวิตที่ยากลำบากแบบพ่อ แต่ด้วยใจที่รักและมุ่งมั่น ยังตั้งใจเตรียมตัวสอบ ในที่สุดสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอน จบ ม.3 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 53 และ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69
“อาชีพข้าราชการตำรวจที่ได้ขึ้นชื่อว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรีมาก เพราะหน้าที่ของตำรวจคือพิทักษ์รับใช้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีและปลอดภัย การทำหน้าที่ของตำรวจนั้นต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า ประชาชนนั้นเดือดร้อนจึงมาพึ่งพาตำรวจ ดังนั้นตำรวจควรจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อคลายทุกข์ให้ประชาชนให้ได้ครับ” หมวดเอิร์ธ อธิบายอย่างภาคภูมิใจ
ไม่ว่าจะมีอาชีพไหน ทุกคนล้วนมีเวลาว่าง ทำงานอดิเรกอย่างอื่นนอกเหนือจากงานประจำที่ทำ สำหรับหมวดเอิร์ธในมาดลูกผู้ชายขาลุย สายบู๊ เขาบอกว่า กิจกรรมยามว่าง หรืองานอดิเรกที่เขาชื่นชอบทำ คือ ยิงปืน ยิงธนู วิ่ง เล่นรักบี้ และกิจกรรมที่ออกแนวลุยๆ เพราะกิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนาทั้งร่างกาย การตอบสนอง และจิตใจของเราได้ดี เนื่องจากในการทำงานของอาชีพตำรวจต้องใช้ความสามารถทางร่างกาย คือต้องแข็งแรง ต้องตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที และต้องควบคุมอารมณ์ จิตใจตนเองให้ได้ ดังนั้นกิจกรรมเหล่านี้จึงส่งเสริมสมรรถภาพได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่า ได้ทั้งความสนุก ได้ผ่อนคลาย ได้ปลดปล่อย ได้สุขภาพ ได้สมาธิ ไปพร้อมๆกันเลย
หากถามผู้หมวดอนาคตไกลคนนี้ว่า อยากทำหน้าที่ในส่วนงานไหนมากที่สุดของอาชีพตำรวจ เขาตอบว่า อยากทำหน้าที่สืบสวน เพราะคิดว่างานสืบสวนเป็นงานที่มีเสน่ห์ ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ในการหาตัวคนร้าย และต้องคิดเองว่า เราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้รู้ว่า คนร้ายคือใคร มองว่างานสืบสวนเป็นงานที่อยากทำมากที่สุด และน่าจะเหมาะกับสายลุย แต่ต้องลุยแบบมีแผน มีความรัดกุม และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
แต่เมื่อถามถึงกรณีคนที่ไม่ชอบตำรวจ หมวดเอิร์ธ อธิบายว่า “ผมคิดว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆได้ เพราะตำรวจเราคือคนของประชาชน แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจในการทำหน้าที่ของตำรวจบางครั้งอาจไม่ถูกใจบ้าง แต่ทุกอย่างนั้นทำเพื่อให้สังคมมีกฎระเบียบ และให้ทุกๆคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
สุดท้ายนี้ ร.ต.ท.พงศกร ขวัญเมือง หรือ หมวดเอิร์ธ บอกว่า สำหรับน้องๆที่อยากเป็นตำรวจ ขอให้หาข้อมูลว่าเราจะสามารถเข้ามาร่วมในอาชีพนี้อย่างไรได้บ้าง และเตรียมพร้อม ทุ่มเท เพื่อที่จะได้มารับใช้ประชาชนด้วยกัน ขอให้มีอุดมการณ์ที่จะมาเป็นตำรวจเพื่อประชาชน เพราะเครื่องแบบของเราไม่ได้มีไว้ใส่โชว์ใครเท่ๆ แต่มีไว้เพื่อให้เราได้ใส่ออกไปรับใช้ประชาชน