นักโทษชั้นดี

คุกสามารถขัดเกลากล่อมจิตใจให้ “นักโทษ” กลับเนื้อกลับตัวมีจิตสำนัก “คืนเป็นคนดี” สู่สังคมได้จริงหรือ

ในเมื่อกระทรวงยุติธรรม แม้กระทั่งกรมราชทัณฑ์ไม่เคยสำรวจตัวเลขสถิติผู้กระทำความผิด “ซ้ำซาก” กลับเข้ามาสู่กำแพงเรือนจำมาน้อยแค่ไหน หลังจากได้รับอิสรภาพผ่าน “ด้านมืด” สู่แสงสว่างในโลกปัจจุบันอีกครั้ง

แน่นอนว่า นักโทษส่วนใหญ่ที่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษอาจกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบสุจริตชนมีงานมีการทำเป็นหลักแหล่ง สร้างครอบครัวที่มั่นคง ไม่คิดกระทำความผิดแล้วหวนคืนสู่คุกอีกต่อไป

แต่ส่วนน้อยแม้เพียงเศษของ 1 เปอร์เซ็นต์ นั่นแหละเรียกว่า “บุคคลอันตราย”

นอกจาก “สมคิด พุ่มพวง” อดีตนักโทษประหารฆ่าสาวบริการต่อเนื่อง 5 ศพ ติดคุกจริงแค่10 กว่าปี ออกมาก่อคดีฆ่าเหยื่อสาวรายที่ 6 ยังมีอีกจำนวนไม่น้อย “ไม่เข็ดหลาบ”

เหมือนเป็นสันดานดิบ

ตัวอย่างเห็นชัดจากรายของ “พันศักดิ์ มงคลศิลป์” อดีตพันตำรวจโทใจอำมหิตต้องคดีอุ้มฆ่าแม่ลูกตระกูล “ศรีธนะขัณฑ์” กลายเป็นข่าวโด่งดังสะท้านยุทธจักรสีกากี

นายตำรวจระดับสารวัตรสืบสวนเมืองปราจีนบุรีรอดคำพิพากษาประหารชีวิตติดคุก 18 ปี ออกมาก่อคดีอุ้มฆ่า “เสี่ยอ้วน” ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว เอาไปเผานั่งยางกลางป่า

ระลอกนี้ ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่หลบหนีระหว่างการประกันตัว

หายไปพักใหญ่ โผล่มาอีกทีด้วยการรับงานยิงเสี่ยปั๊มน้ำมันกลางเมืองสระแก้ว เมื่อปลายเดือนกันยายน 2561 ชนิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ถอยหลังย้อนกลับไปเมื่อปี 2539  “ไอ้แป๋ง” อดุลย์ สันติปาตี อายุ 34 ปี มีประวัติถูกจับข้อหาชิงทรัพย์ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เมื่อปี 2523 ถัดจากนั้น 4 ปี โดนข้อหาซ่องโจรเพื่อชิงทรัพย์ ติดคุกประเดี๋ยวประด๋าวก็ออกมาตั้งแก๊งร่วมหัวกับ กฤติศักดิ์ หรือ ป๊อก สุพัฒนาการ ก่อคดีชิงทรัพย์ร้านเสริมสวยท้องที่สุทธิสาร และอีกหลายรายต่อเนื่องกัน

หนสุดท้ายถูกจับส่งฟ้องศาลติดคุกถึงปี 2535 ออกมายังไม่ยอมเลิกสันดานโจรและเริ่มโหดเหี้ยมขึ้น เมื่อร่วมกับ สายชล เชื้อเอี่ยม ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์เหยื่อในซอยลาดพร้าว 7 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตำรวจพหลโยธินตามรวบตัวไปขยายผลสารภาพก่อคดีชิงทรัพย์เหยื่ออีก 6 รายในเวลาไม่กี่เดือน

นึกว่าครั้งนั้นมันจะไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกนาน กลับดันกลายเป็นนักโทษชั้นดีของเรือนจำจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2539 ถูกส่งไปทำงานลอกท่อระบายน้ำบริเวณปากซอยรามคำแหง 4 ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร  มีผู้คุมของเรือนจำคอยเฝ้าคุมใกล้ชิด แต่มันก็ฉวยโอกาสผู้คุมเผลอหลบหนีไปได้

สถานีตำรวจนครบาลหัวหมากได้ออกหมายจับที่ 269/2539 ลงวันที่ 6 สิงหาคม2539 ติดตามล่าตลอดมา แต่มันกลับไปรวบรวมสมัครพรรคพวกที่เคยผ่านคุกตะรางมาด้วยกันตั้งแก๊งใหญ่กว่าเก่า ออกตระเวนปล้นจี้ชิงทรัพย์อาละวาดในพื้นที่ลาดพร้าว โชคชัย พหลโยธิน ถิ่นเดิมที่มันชำนาญ

เป้าหมายมุ่งไปที่เหยื่อที่นิยมสวมนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์ และเครื่องประดับมีค่า พฤติกรรมโหดร้ายมากขึ้นถึงขนาดจ่อยิงเหยื่ออย่างเลือดเย็นไปหลายศพ

ตามที่เรียนรู้จากในคุก หากไม่มีพยานก็ไม่มีใครชี้ยืนยันการกระทำความผิด 

หรือที่ร้ายยิ่งกว่าเป็นตำนาน นักฆ่าหน้าหยก ฉายา  “เล็ก ลำตะคอง” ธวัชชัย อภิธนาภิรักษ์ เดิมนามสกุล “เฮงวัฒนา” หนุ่มหน้าตาดี มาดเนียบจากเมืองปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เข้าสู่ยุทธจักรนักฆ่าเมื่อปี 2527 ร่วมกับอดีตตำรวจโรงพักดินแดงก่อคดีลักพาตัว ยอด งามรินรำไพ เศรษฐีใหญ่ของเมืองโคราชไปเรียกค่าไถ่ ก่อนทุบหัวเหยื่อมัดใส่กระสอบทิ้งถ่วงแม่น้ำลำตะคองถิ่นเกิดของตัวเอง

กลายเป็นที่มาของฉายา “เล็ก ลำตะคอง” นักฆ่าหน้าหยก

สู้คดีหลุดพ้นข้อกล่าวหา พาเข้าร่วมอยู่ในขบวนการค้าเนื้อสด ส่งผู้หญิงไปหากินที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนอุ้มฆ่า หยาดรุ้ง หรือ ดาว คะโค และ ชาญณรงค์ หรือ เบิร์ด พึงพิทยากุล แม้จนมุม แต่ยังได้รับการประกันตัวออกมาก่อคดียิง “วาสนา นะยา” หญิงสาวร่วมหุ้นค้าเนื้อสดรายใหม่ตายหน้าห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว

ประกันตัวออกมาฆ่าสาวร้านนวดแผนโบราณในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิตอีกราย

  เหล่านี้ไม่นับรวมบรรดาหัวหน้าแก๊งลักรถตัวฉกาจ หัวโจกแก๊งลักทรัพย์มากมายหลายท้องที่ รวมถึงนักค้ายานรกตัวแสบที่ยังแอบอาละวาดกระทำความผิดต่อเนื่องเช่นเดิม พวกมันล้วนผ่าน “โรงเรียนชีวิต” ในเรือนจำมาอย่างช่ำชอง

ทว่าไม่ได้สอนจิตสำนึกให้กลับตัวเป็นคนดี

แถมได้ “วิชาโจรชั้นดี” จากเพื่อนร่วมคุกให้รอดเงื้อมือกฎหมาย

RELATED ARTICLES